ทีเส็บ จับมือภาคี 4 องค์กร พร้อมใจกันยกระดับผลิตภัณฑ์และความสามารถในการบริหารของชุมชน เพื่อผลักดันขอนแก่นเป็นประตูผ้าไหมไทยสู่ตลาดโลก พร้อมนำผ้าไหมไทยสู่เวทีโลกที่ฝรั่งเศสและออสเตรเลีย
ภาคี 5 ฝ่ายที่มาร่วมมือกันตามแผนดังกล่าว ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) สมาคมไหมไทยและสิ่งทอขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และทีเส็บ ซึ่งจะใช้ความชำนาญที่แตกต่างกันมาส่งเสริมผู้ประกอบการไหมไทยได้อย่างครบกระบวนการ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของทั้ง 5 หน่วยงานว่า เป็นเจตนาร่วมกันของทุกองค์กรภาคีที่จะร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมไหมไทยไปสู่ตลาดระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นการสานต่อการทรงงานมากว่า 54 ปีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อพัฒนาผ้าไหมเพื่อสร้างรายได้แก่ประชาชน
“เราเห็นความสำคัญของการทำให้ผ้าไหมก้าวต่อไปเพื่อเพิ่มรายได้และยกระดับความเป็นอยู่แก่ประชาชน และไม่ลืมว่างานต่าง ๆ ทั้งด้านพัฒนาคุณภาพ ส่งเสริมตลาด ส่งเสริมมาตรฐาน และอื่น ๆ เป็นงานที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงทุ่มเทมาแล้วไม่น้อยกว่า 54 ปี”
ในอีกด้านหนึ่งคือการร่วมกับสมาคมไหมไทยและสิ่งทอขอนแก่นนำผู้ประกอบการและผ้าไหมไทยไปร่วมในงานแสดงสินค้าระดับโลกที่เกี่ยวข้อง เช่น งาน Silk in Lyon ประเทศฝรั่งเศส และงานสิ่งทอ World Cotton Day ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะดำเนินการภายในปีนี้ทั้งสองงาน
ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) โดยนายสักก์สีห์ พลสันติกุล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขอนแก่น (CEA ขอนแก่น) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีภารกิจส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาห่วงโซ่ของระบบนิเวศสร้างสรรค์ ซึ่งประกอบด้วย แรงงานสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และนักสร้างสรรค์ รวมถึงการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ ให้เป็นทรัพยากรสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการนำเอากระบวนการคิดเชิงออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานต้นทุนทางด้านวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น (Creativity & Culture) มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยในภาคอีสาน CEA เล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมงานฝีมือและหัตถกรรม (Craft & Design) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของภาคอีสาน โดยเฉพาะ “ผ้าไหม ” ซึ่งเรามีช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีศักยภาพ มีนักสร้างสรรค์ที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-added) และสร้างสรรค์คุณค่า (Value Creation) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักสร้างสรรค์และช่างฝีมือ จึงเป็นโอกาสให้หน่วยงานของเราได้มีส่วนช่วยยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เมืองขอนแก่น สู่ระดับภูมิภาคและระดับประเทศต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยศูนย์ความเป็นเลิศอุตสาหกรรมไมซ์และอีเว้นท์เชิงธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี และศูนย์วิจัยชุมชนเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ (สนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) พร้อมส่งเสริมด้านงานวิจัย สร้างฐานข้อมูลอุตสาหกรรมผ้าไหม และหัตถกรรม บ่มเพาะองค์ความรู้ ให้แก่ชุมชน ผู้ผลิต ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทย (Designer) ในการบริการข้อมูลวิชาการ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน สนับสนุนการพัฒนานักศึกษาและร่วมฝึกประสบการณ์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ และการพัฒนาสินค้าและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และสมาคมระดับประเทศและนานาชาติ ยกระดับผ่านอุตสาหกรรมไมซ์สู่สายตาชาวไทย และเวทีโลก มหาวิทยาลัยขอนแก่นพร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมไหมไทยสู่ไมซ์โลก
นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา นายกสมาคมไหมไทยและสิ่งทอขอนแก่น กล่าวว่า สมาคมฯ ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไหมและสิ่งทอ ทำงานร่วมกันของภาคีเครือข่ายในอุตสาหกรรมฯ ภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างงานและแสวงหาโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไหมไทยและสิ่งทอจังหวัดขอนแก่น ขยายโอกาสการเชื่อมโยงผ้าไหมอีสานให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล สนับสนุนทางการค้าและความร่วมมือเชิงพาณิชย์กับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดขอนแก่นและภาคตะวันออกเฉียงเหนือสู่ระดับนานาชาติต่อไป