การเคหะแห่งชาติโชว์ผลงานปี 2567 เดินหน้าตามนโยบาย พม. 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร สร้างบ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย Housing for all ครอบคลุมทุกมิติ เน้นบ้านตั้งต้น First Jobber ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เร่งฟื้นฟูและพัฒนาเมือง สร้างโอกาสให้ประชาชนมีบ้านด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัยฯ และยกระดับชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมให้รางวัลชุมชนส่งเสริมการมีส่วนร่วม
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและชุมชนยั่งยืนที่การเคหะแห่งชาติดำเนินการปัจจุบัน ประกอบด้วย โครงการบ้านตั้งต้น (First Jobber) เป็นการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มคนวัยเริ่มทำงาน หรือ First Jobber ได้มีบ้านเป็นของตนเอง เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจสร้างแรงผลักดันในการดำเนินชีวิต อันจะนำไปสู่การสร้างครอบครัวที่อบอุ่นในภายภาคหน้า การเคหะแห่งชาติจึงได้นำโครงการอาคารเช่ามาให้เช่าในราคาพิเศษ สำหรับกลุ่ม First Jobber ที่ยังไม่พร้อมจะซื้อบ้าน โดยได้คัดเลือกโครงการที่ตั้งในทำเลที่มีศักยภาพในหลากหลายพื้นที่ เพื่อนำมาเข้าร่วมโครงการ จำนวน 7 ทำเล ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนรวม 1,428 หน่วย อัตราค่าเช่าอยู่ระหว่าง 1,200-1,500 บาท ปัจจุบันมีประชาชนมาทำสัญญาเช่าโครงการบ้านตั้งต้น First Jobber ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567 รวมทั้งสิ้น 387 หน่วย
นอกจากโครงการอาคารเช่าสำหรับกลุ่ม First Jobber แล้ว การเคหะแห่งชาติยังมีโครงการอาคารเช่าทั่วประเทศที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 8 โครงการ 3,269 หน่วย ได้แก่ สมุทรปราการ (บางพลี), ลพบุรี ระยะที่ 1, อุดรธานี (สามพร้าว), พระนครศรีอยุธยา (โรจนะ), ระยะที่ 1 เชียงใหม่ (หนองหอย), ฉะเชิงเทรา (บางปะกง), หนองบัวลำภู และเพชรบุรี (โพไร่หวาน)
ขณะที่ โครงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ของการเคหะแห่งชาติ (บ้านสบายเพื่อยายตา) ซึ่งเป็นโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ขององค์กร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยการปรับปรุงซ่อมแซมหรือจัดทำที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งหลัง และปรับสภาพแวดล้อมภายในที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ซึ่งในปี 2567 การเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายปรับปรุงที่อยู่อาศัย จำนวน 80 หลัง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ตราด ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา ชัยภูมิ สตูล และได้เพิ่มพื้นที่กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดสุพรรณบุรีอีก 1 จังหวัด เนื่องจากมีกลุ่มประชากรที่เป็นผู้สูงอายุและมีรายได้ไม่เพียงพอจำนวนมาก และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 การเคหะแห่งชาติจึงนำบ้านที่ได้รับการการปรับปรุงซ่อมแซมหรือจัดทำที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งหลังในจังหวัดสุพรรณบุรีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ด้าน โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้โดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนกว่า 2.27 ล้านครัวเรือน เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มาตรฐาน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกมิติ ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2563-2567 การเคหะแห่งชาติได้ปล่อยสินเชื่อวงเงิน 1,991.020 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม 2567) สามารถช่วยเหลือผู้ที่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในระดับราคาที่รับภาระได้ จำนวน 2,592 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น กลุ่มลูกค้าทั่วไป 2,264 ราย และกลุ่มเปราะบาง 328 ราย (ในปี 2567 การเคหะแห่งชาติได้พิจารณาอนุมัติการเช่าซื้อโครงการสินเชื่อฯ วงเงินรวมทั้งสิ้น 228.084 ล้านบาท ให้กับลูกค้าจำนวน 358 ราย)
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้จัดโครงการประกวดชุมชนสดใส จิตใจงดงาม เพื่อรณรงค์ให้ชาวชุมชนร่วมกันพัฒนาคุณภาพการอยู่อาศัย และสภาพแวดล้อมชุมชน สร้างแรงจูงใจให้ผู้อยู่อาศัยมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง สร้างชุมชนให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 โดยในปี 2567 เป็นการจัดงานครั้งที่ 13 ด้วยแนวคิด “ชุมชนน่าอยู่ ครอบครัวเข้มแข็ง” เพื่อเฟ้นหาชุมชนที่มีการเชื่อมโยงกับผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกมิติ โดยคัดเลือกชุมชนที่อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติจำนวนกว่า 700 ชุมชน ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกชุมชนที่เข้าร่วมออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ อาคารแนวราบ อาคารแนวสูง และอาคารเช่า โดยชุมชนที่เข้าประกวดต้องมีความพร้อมตามเกณฑ์การให้คะแนนการประเมินชุมชน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม ด้านกระบวนการมีส่วนร่วม ด้านการบริหารจัดการชุมชน และด้านการส่งเสริมครอบครัวเข้มแข็ง พร้อมทั้งมอบเงินรางวัลให้กับชุมชนที่ชนะการประกวดรวมมูลค่าทั้งสิ้น 300,000 บาท
“การเคหะแห่งชาติเดินหน้าทุกโครงการตามแนวนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ประชาชนและกลุ่มเปราะบางได้มีที่อยู่อาศัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เรามุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาและสร้างโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้แก่พี่น้องประชาชน โดยดำเนินการก่อสร้างฯ ที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเปิดช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนรวมถึงผู้อยู่อาศัยในทุกโครงการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและนำมาปรับปรุงการดำเนินงานของการเคหะแห่งชาติ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวย้ำ