แหล่งข่าวจากวงการปลาสวยงามระบุ Blackchin Tilapia เป็นหนึ่งใน 17 กลุ่มปลาแปลก หรือ Exotic Freshwater Fish ที่นิยมเลี้ยงกันในต่างประเทศ รวมถึงติดอันดับกลุ่มปลาที่สามารถใช้เป็นอาหารได้ที่ถูกนำมาเลี้ยงเป็นงานอดิเรก จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่ามี บริษัทไทยสนองตอบต่อความต้องการในตลาดนี้ และสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกปลาชนิดนี้จริง ทั้งยังไม่ใช่เพียงรายเดียว แต่มีบริษัททำธุรกิจส่งออกปลาตัวนี้มากถึง 11 ราย ในช่วงปี 2556-2559 ที่จำหน่ายไปยัง 17 ประเทศ ถึงกว่า 3 แสนตัว
จากข้อมูลของกรมประมงพบว่า บริษัทที่ส่งออกปลาหมอคางดำมากที่สุดถึง 162,000 ตัว คือ หจก.ฉาง ซิน เอ็นเตอร์ไพร์ส รองลงไปคือ หจก. ซีฟู้ดส์ อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต ที่ส่งออกไป 30,000 ตัว และ ลำดับสาม ได้แก่ บจก.นิว วาไรตี้ ส่งออกไป 29,000 ตัว ลำดับสี่ได้แก่ บจก.พี. แอนด์ พี. อควาเลี่ยม เวิลด์ เทรดดิ้ง ที่ส่งออกไป 3,638 ตัว ส่วนบริษัทที่น่าจะดังที่สุดเห็นจะเป็น บจก.ไทย เฉียน หวู่ ที่ร่วมวงส่งออกปลาตัวนี้ด้วย 2,900 ตัว
สำหรับบริษัทอื่นๆ ประกอบด้วย บจก.แอดวานซ์ อควาติก, บจก.เอเชีย อะควาติคส์, บจก.หมีขาว, หจก.วีอควอเรียม, บจก.สยามออร์นา เมนทอล ฟิช และ หจก.สมิตรา อะแควเรี่ยม ที่มียอดส่งออกในหลัก 100-900 ตัว
ข้อมูลการส่งออกนี้แสดงให้เห็นว่า ปลาชนิดนี้ในประเทศไทย มีแหล่งที่มาหลายทาง และในขณะนั้นยังไม่มีประกาศห้ามส่งออก ต่อมาเมื่อรัฐห้ามส่งออกในปี 2561 ก็ไม่พบการส่งออกปลาหมอคางดำอีกเลย ชวนให้คิดได้ว่า ธุรกิจปลาส่งออกเหล่านี้ขายปลาไปหมดสต๊อกได้พอดีจริงหรือ และถ้าไม่ใช่ผู้ส่งออกเหล่านี้ดำเนินการกับปลาที่เหลืออย่างไร โดยเฉพาะกับพ่อแม่พันธุ์
คงต้องตามกันต่อว่า บริษัทส่งออกเหล่านั้น มีวิธีบริหารจัดการสินค้าอย่างไร ทั้งการจัดหาก่อนการส่งออก การดูแลรักษาปลา รวมถึงการทำลายปลาหลังมีประกาศกฎหมายห้ามส่งออกปลาหมอคางดำออกมา