บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประมวลผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในช่วงครึ่งปีแรก ปี 2567 พบว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนสูงและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น แต่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยังคงสามารถขึ้นแท่นทำรายได้รวมได้สูงสุดอันดับ 1 ด้วยรายได้สูงสุดถึง 19,784 ล้านบาท รองลงมาตกเป็นของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ไปถึง 17,845 ล้านบาท และ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ 14,725 ล้านบาท ติดอันดับท็อป 3 ของตลาดเช่นกัน โดยรายได้รวมของ 10 บริษัทพบว่ามีรายได้รวมมากกว่า 103,184 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบ 6 หุ้นอสังหาฯ “SIRI, SPALI, SC, PSH, QH, LPN” เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล นำโดย SIRI ยีลด์สูงสุดที่ 4.4 % และการที่บริษัทเหล่านี้สามารถรักษาผลประกอบการได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการ
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกจะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยลบหลายประการ ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น การไม่ผ่อนคลายมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย และปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับทางสมาคมธนาคารไทยที่คาดการณ์ว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสิ้นปีนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP ซึ่งยังคงเป็นปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสัญญาณบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น การลดภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนสำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้ในบางส่วน ประกอบกับตลาดอสังหาฯยังคงมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดระดับลักซูรีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายยังคงสามารถรักษารายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาด”
สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง นายอนุกูล มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความไม่แน่นอน ผู้ประกอบการยังคงมองหาโอกาสในการแข่งขัน หาจุดแข็งของตัวเองเพื่อตอบสนอความต้องการของลูกค้า โดยบางกลุ่มมีการทำตลาดแบบกระจายหลากหลายเซกเมนต์ หรือมีการทำการตลาด เจาะกลุ่ม Niche Market มากขึ้น เช่น ที่อยู่อาศัยแบบ Pet Friendly กลุ่มแคมปัส เป็นต้น หรือเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการลงทุนด้วยในช่วงนี้ เฉพาะตลาดให้เช่ากลับมาคึกคักด้วยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายยังคงจับตามองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
รวมทั้งมีการสำรวจ 6 หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครึ่งปีแรก ปี 67 พบว่าแสนสิริยังคง โดดเด่นเป็นอันดับ 1 จ่ายปันผลหุ้นละ 0.07 บาท ยีลด์สูงถึง 4.40% รองลงมาศุภาลัย จ่ายปันผลหุ้นละ 0.60 บาท ยีลด์ 3.6% ตามมาด้วย เอสซี แอสเสท จ่ายปันผลหุ้นละ 0.05 บาท ยีลด์ 2.0% พฤกษา จ่ายปันผลหุ้นละ 0.15 บาท คิว เฮ้าส์ จ่ายปันผลหุ้นละ 0.03 บาท และ เอลพีเอ็น จ่ายปันผลหุ้นละ 0.05 บาทโดยทั้ง 3 บริษัท ยีลด์ 1.7.% เท่ากัน
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 คาดว่ามีแนวโน้มที่จะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวได้เล็กน้อยหลังจากที่หดตัวมาในช่วงก่อนหน้า ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ และความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสสุดท้าย ยังเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ย และการแข่งขันที่รุนแรงจากโปรโมชั่น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หรือมีความต้องการเฉพาะ Niche Market มากขึ้น และเสริมแกร่งทางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ” นายอนุกูล กล่าวทิ้งท้าย
(*ข้อมูลที่พลัสฯ รวบรวมนำเสนอ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2567)