บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร จัดพิธีลงนาม MOU กับ CITY AUTO GROUP ผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์แบบครบวงจร จากประเทศเวียดนาม มุ่งขยายโอกาสการลงทุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงศึกษาช่องทางในการดำเนินธุรกิจใหม่ พร้อมเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยมี มร. เล ฮิวว์ ฟุบ (Mr. Le Huu Phuc) ผู้แทนการค้าเวียดนามประจำประเทศไทย ให้เกียรติมาร่วมในพิธี
ทั้งในไทยและเวียดนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เวียดนาม ธุรกิจยานยนต์เติบโตก้าวกระโดด
ประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ 331,690 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดกับประเทศจีน, ลาว, ทะเลจีนใต้ อ่าวตังเกี๋ย และอ่าวไทย นับว่ามีความหลากหลายทางภูมิประเทศ เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนาม มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด กับยอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2566 เป็นจำนวนกว่า 400,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 23% อ้างอิงจาก Vietnam Automobile Manufacturers’ Association (VAMA) ผนวกกับการเพื่มขึ้นของประชากรชั้นกลาง และคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP-Gross Domestic Product) ระดับ 6.5% ในปีนี้ นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รายได้ของประชากรที่สูงขึ้น รวมถึงความต้องการใช้ยานยนต์คุณภาพสูง ล้วนส่งผลให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ สู่อนาคตที่สดใสร่วมกัน
การลงนาม MOU ครั้งนี้ แสดงถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ที่ออกแบบมาเพื่อนำศักยภาพของทั้งสององค์กร ทั้งด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจรของ MGC-ASIA และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกยานยนต์แบบครบวงจรของ CITY AUTO GROUP ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนาม (HOSE-Ho Chi Minh Stock Exchange) ภายใต้ชื่อ ‘CTF’ มาต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจ พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน, การขยายสู่ตลาดใหม่ และการรังสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ของทั้งสองประเทศ ด้วยบริการทั้งก่อนและหลังการขายสำหรับรถใหม่, รถมือสอง, รถเช่า, บริการทางการเงิน และประกันภัย สร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคต