บริษัท KASIKORN VISION (SHANGHAI) PRIVATE FUND MANAGEMENT CO., LTD. (กสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้) บริษัทในกลุ่มธุรกิจธธนาคารกสิกรไทย รุกตลาดการลงทุนในหุ้นนอกตลาด หรือ Private Equity จีน ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้จัดการกองทุน Private Equity จากสมาคมบริหารสินทรัพย์แห่งประเทศจีน (Asset Management Association of China: AMAC) รวมถึงได้รับโควตาการลงทุน Qualified Foreign Limited Partner (QFLP) จำนวน 1,500 ล้านหยวน ซึ่งเป็นช่องทางให้ผู้ลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นนอกตลาดของจีน โดยตลาด Private Equity จีนนั้นใหญ่เป็นอันดับสองของโลก กสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจธนาคารไทยรายแรกที่ได้รับอนุญาตและมีโควตาดังกล่าว จากความสำเร็จนี้เสมือนเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนในจีนให้แก่นักลงทุนจากไทยและภูมิภาค AEC+3
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จีนได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์มุ่งสู่การพึ่งพาตนเองมากขึ้น เน้นการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการเติบโตอย่างมีคุณภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยเป็นของตนเอง อย่างเช่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ (Robotic) การผลิตแบบล้ำสมัย (Advanced Manufacturing) เทคโนโลยีสะอาด (Clean Tech) และในขณะเดียวกัน จีนยังคงเดินหน้าขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเหล่านั้นในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา จากตัวอย่างของการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มายังประเทศไทย การขยายธุรกิจของบริษัท e-commerce จีนในตลาดไทย รวมถึงสินค้าอุปโภคอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ที่จีนยังมีความแข็งแกร่งด้านห่วงโซ่อุปทานเหนือนานาประเทศ ซึ่งการลงทุนในหุ้นนอกตลาดนี้จะเข้าลงทุนสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีดังกล่าว
การเข้าสู่ตลาด Private Equity ในจีนของบริษัทในกลุ่มธุรกิจธนาคารกสิกรไทยนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายและมีศักยภาพสูงจากตลาดจีนให้กับนักลงทุนเท่านั้น แต่ นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative asset class) ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุนได้อีกด้วย ทั้งนี้ กสิกร วิชั่น เซี่ยงไฮ้ มีแผนที่จะออกกองทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในประเทศจีนที่สอดคล้องกับนโยบายมหภาคและกลยุทธ์ของประเทศจีน ผ่านตลาดรอง (Secondary private market) หรือการร่วมลงทุน (Co-investments)
นายภัทรพงศ์ กล่าวตอนท้ายว่า การขยายธุรกิจสู่ตลาด Private Equity ครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายธุรกิจของธนาคารในประเทศจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของสถาบันการเงินไทย รวมถึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ความน่าสนใจของตลาดทุนจีนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก