เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง เดินหน้าปรับพอร์ตสินค้า รุกตลาดศักยภาพสูง พร้อมลุยสินค้ากรีน รับเทรนด์สังคมคาร์บอนต่ำ ตอบรับสัญญาณบวกเศรษฐกิจ
เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง เผยเล็งสัญญาณบวกที่มีผลต่อภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่องตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค ออกสินค้าสำหรับ Affordable Segment หรือกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อลดลง ผลักดันสินค้ากรีนและโซลูชันที่ตอบเทรนด์รักษ์โลกและประหยัดพลังงาน อย่าง Solar Roof และวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ พร้อมปรับภาคการผลิตใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดมากขึ้น รวมถึงพัฒนาสูตรการผลิตสินค้าเพิ่มความหลากหลายของการใช้วัตถุดิบ เพื่อบริหารจัดต้นทุนให้ดีที่สุด ตั้งเป้าโต 5-7% ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่เติบโตต่ำ
มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 3% ในส่วนของมูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ จากแผนเตรียมเสนอเปิดประมูลโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมหลายโครงการ ในขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1% จากการฟื้นตัวค่อนข้างช้าของตลาดที่อยู่อาศัย ถือเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับ 2-3 ปีก่อน ด้วยเหตุผลของ Oversupply ในขณะที่ตลาดพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานให้เช่ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยที่ 0-2% และ 2-4% ต่อปี ตามโครงการที่ทยอยก่อสร้างเสร็จ
ทิศทางการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ส่งผลต่อธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ภายใต้ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด โดยคุณวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า แผนระยะสั้นจะยังคงเน้นเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดและการแข่งขัน โดยออกสินค้ากลุ่ม Affordable Product เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัด ครบทั้งกลุ่มหลังคา บอร์ด ไม้สังเคราะห์ และผนังพื้นตกแต่งภายนอกบ้าน, ทำโครงการลดต้นทุนต่อเนื่อง โดยยังคงประสิทธิภาพและคุณภาพของสินค้าและบริการ และเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจใหม่ รวมทั้งนำ AI เข้ามาช่วยพนักงานและคู่ค้าในการเข้าถึงข้อมูลสินค้า วิธีการติดตั้ง ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
ในขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมมีผลกับธุรกิจวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างในปัจจุบันมากขึ้นกว่าในอดีต หากไม่มีการปรับตัวก็จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เราจะเห็นความตื่นตัวเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งสู่ Net Zero จากทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ผลิตหลายราย เอสซีจีได้ทำเรื่องเหล่านี้ตามกลยุทธ์ของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามีวัสดุก่อสร้างที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลงจากการใช้พลังงานสะอาด และ Biomass ในการผลิต ใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุเหลือทิ้งทดแทนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในปริมาณมากขึ้น ธุรกิจสมาร์ทลีฟวิงมีสัดส่วนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรอง SCG Green Choice มากถึง 70% ของยอดขายสินค้าและบริการทั้งหมด ตามแนวคิด Inclusive Green Growth ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและหาเทคโนโลยีเพื่อทำให้สินค้าปล่อยคาร์บอนน้อยลง ในขณะที่คุณภาพการใช้งานยังตอบการใช้งาน รวมทั้งความสวยงามและแข็งแรงทนทาน”
ปัจจุบันสินค้าในธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ได้การรับรองค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย (TGO) เป็นจำนวนกว่า 50% ของสินค้าทั้งหมด และได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม Environmental Product Declaration (EPD) สำหรับกลุ่มสินค้าไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดและวัสดุตกแต่งทั้งหมด การันตีคุณสมบัติสินค้าคาร์บอนต่ำเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานระดับสากล ตั้งเป้า 80% ของสินค้าวัสดุก่อสร้างในธุรกิจสมาร์ทลีฟวิงต้องมีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ภายในปี 2568 พร้อมรับนโยบายจากพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ. Climate Change ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 2568
ด้านการวางแผนระยะยาวยังคงมุ่งศึกษาและพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ผลิตมาจากวัสดุที่ยั่งยืน ลดการปล่อย Greenhouse Gas (GHGs) ตอบโจทย์ Industry Trend ผลักดัน Building Code ให้เป็น Net Zero Building ที่ใช้สินค้าคาร์บอนต่ำมากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว เพื่อช่วยลดต้นทุนและค่าแรงงานที่จะแพงและหายากมากขึ้น โดยแผนการทำงานจะดำเนินการไปตามวัฒนธรรมองค์กร “Way of Work” คือทำงานแบบ Collaboration ทั้งกับหน่วยงานภายใน และภายนอกมุ่งตอบความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก หรือ Customer Centric และสร้าง Entrepreneurship Mindset มองหาโอกาสใหม่ในธุรกิจเหมือนเป็นธุรกิจของตัวเอง ส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ลดการใช้พลังงานและลดเศษวัสดุ รวมไปถึงเรียนรู้การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
“เราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำไปพัฒนาสินค้าโซลูชัน ที่ตอบโจทย์และรวดเร็วในราคาที่จับต้องได้ หรือมีทางเลือกให้ลูกค้าเลือกได้ตามความต้องการเสมอ ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา Greenovation for Better Living เพราะเราทราบดีว่าบ้านหรืออาคารเป็นสิ่งที่อยู่กับลูกค้า และผู้คนไปอีกนาน”
ซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจที่ถูกสร้างขึ้นมายาวนาน ย่อมส่งผลบวกต่อทั้งธุรกิจและองค์กร จนทำให้สามารถครองใจและทำให้ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ถูกเลือกให้เป็นเบอร์ 1 ในใจผู้บริโภค การันตีด้วยรางวัล 2024-2025 Thailand’s Most Admired Company กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างจาก BrandAge ติดต่อกันมากว่า 10 ปี ทั้งด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม และการให้บริการ