Trip.com Group เผยเทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงแห่งนี้
เมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างต่อเนื่อง Trip.com Group ได้เผยแพร่รายงานที่วิเคราะห์แนวโน้มเทรนด์ในปี 2025 “Momentum 2025: Travel’s Next Big Trends “ โดยอ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกของนักท่องเที่ยวกว่า 6,000 คนจาก 6 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายงานนี้คาดการณ์แนวโน้มและนวัตกรรมที่กำลังกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว รวมถึงการปรับแต่งตามความต้องการในการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ประสบการณ์การท่องเที่ยวเฉพาะทาง และการมุ่งเน้นการเดินทางที่มีความหมายและน่าจดจำ โดยมีภาพรวมของประเด็นสำคัญดังนี้
- การท่องเที่ยวเชิงอาหารจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในแผนการเดินทาง
การท่องเที่ยวเชิงอาหารกำลังเติบโตขึ้น โดย 60% ของผู้ใช้ Trip.com ค้นหาเนื้อหาเกี่ยวกับอาหารตั้งแต่ต้นปี 2024 ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นักท่องเที่ยวถูกดึงดูดด้วยเทศกาลอาหาร (62%) การรับประทานอาหารในโรงแรม (60%) และทัวร์อาหารสตรีทฟู้ด(52%) ในฐานะประสบการณ์ด้านอาหารชั้นนำ นักชิมในเมืองจากฮ่องกงและสิงคโปร์แสดงความสนใจเป็นพิเศษสำหรับทัวร์อาหารสตรีทฟู้ด ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารในโรงแรมที่ผสมผสานความสะดวกสบายและความหรูหรา
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มประชากร การชิมไวน์และเบียร์เป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มผู้ชาย ขณะที่ผู้หญิงหันไปสนใจคลาสทำอาหารเพื่อประสบการณ์ตรง ส่วนกลุ่มมิลเลนเนียลแสดงความสนใจอย่างมากในกิจกรรมศิลปะอาหารเชิงโต้ตอบ สำหรับในระดับโลก เมืองยอดนิยมอย่างกรุงเทพฯ โตเกียว และปารีส ได้กลายเป็นศูนย์กลางด้านอาหาร และได้รับการยกย่องจากอาหารที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา
จากแนวโน้มเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับประสบการณ์อาหารที่น่าจดจำและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตนี้ ทางแพลตฟอร์มมีฟีเจอร์แนะนำและจองร้านอาหาร ที่เรียกว่า Trip.Gourmet ที่สามารถนำเสนอการเข้าถึงร้านอาหารกว่า 50,000 แห่งและคู่มือร้านอาหารที่คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญใน 300 เมือง ช่วยยกระดับวิธีที่นักท่องเที่ยวสำรวจโลกผ่านรสชาติอาหาร
- นักท่องเที่ยวได้แรงบันดาลใจจากเนื้อหาสื่อ
อิทธิพลของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ต่อการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวแข็งแกร่งกว่าที่เคย โดย 70% ของนักท่องเที่ยวทั่วภูมิภาควางแผนการเดินทางโดยได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาเห็นบนจอ โดยเฉพาะภาพยนตร์รักโรแมนติกและผจญภัยที่จุดประกายความต้องการท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มมิลเลนเนียลนำเทรนด์ที่ 72% ในมาเลเซีย นักท่องเที่ยว 91% ให้เครดิตสื่อในการกำหนดแผนการเดินทาง โดยได้รับอิทธิพลจากรายการยอดนิยมอย่าง ‘Emily in Paris’ และ ‘Running Man’
ในเกาหลีใต้ 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เป็นแรงจูงใจสำคัญ รายการอย่างรายการ ‘Culinary Class Wars’ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเดินทางที่มุ่งเน้นการสำรวจอาหาร อิทธิพลของสื่อด้านอาหารนี้ได้ขยายมาถึงประเทศไทย ดังรายการยอดนิยมอย่าง ‘Master Chef’ และ ‘Iron Chef’ กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวแสวงหาประสบการณ์ด้านอาหารที่น่าตื่นเต้นในต่างประเทศ
สถานที่ท่องเที่ยวที่ปรากฏในผลงานอันเป็นที่จดจำกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ทิวทัศน์ “มิดเดิลเอิร์ธ” อันน่าทึ่งของนิวซีแลนด์ และเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ยังคงดึงดูดแฟนๆ ที่สนใจที่จะสัมผัสสถานที่เหล่านี้ด้วยตนเอง แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นระหว่างการท่องเที่ยวและการเล่าเรื่อง เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นเปลี่ยนช่วงเวลาโปรดบนจอให้กลายเป็นการผจญภัยในโลกแห่งความเป็นจริง
- การท่องเที่ยวเรือสำราญเติบโตอย่างก้าวกระโดด
การล่องเรือสำราญกำลังจะกลายเป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างมากในปี 2025 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากวิวทะเลที่สวยงาม อากาศทะเลบริสุทธิ์ และประสบการณ์อันหลากหลายบนเรือ จากรายงานระบุว่า 44% ของนักท่องเที่ยวให้คุณค่าสูงกับการรับประทานอาหารบนเรือ 38% สนใจแพ็คเกจแบบครบวงจร และ 31% ให้ความสำคัญกับการแสดงสดและความบันเทิง
จุดหมายปลายทางยอดนิยมของเรือสำราญประกอบด้วย โตเกียว เกาะเชจู และมัลดีฟส์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ราคาที่จับต้องได้ (57%) วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม (52%) และการเดินทางแบบครบวงจร (51%) เป็นจุดดึงดูดที่น่าสนใจที่สุดของวันหยุดบนเรือสำราญ ในขณะเดียวกัน วิวทะเลที่สวยงามเป็นสิ่งดึงดูดอันดับหนึ่งสำหรับ 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ 55 ถึง 64 ปีในฮ่องกง
- การท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิง: งานใหญ่ขับเคลื่อนการเดินทาง
การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยความบันเทิงกำลังจะพุ่งสูงขึ้น โดยคอนเสิร์ตและงานกีฬาจะกลายเป็นแรงจูงใจหลักในการเดินทางในปี 2025 ภายหลังปรากฏการณ์ระดับโลกของ ‘Eras Tour’ ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ในปี 2024 ที่ดึงดูดผู้ชมทำลายสถิติทั่วโลก เกือบสองในสาม (66%) ของนักท่องเที่ยววางแผนจัดการเดินทางรอบงานแสดงสด แนวโน้มนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในท้องถิ่น — 66% ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อชมศิลปินที่ชื่นชอบแสดง แล้วเปลี่ยนคอนเสิร์ตให้กลายเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
ในปี 2024 การท่องเที่ยวเชิงกีฬาถูกขับเคลื่อนด้วยงานใหญ่อย่าง ‘UEFA Euro’ มาถึงปี 2025 ฟุตบอลยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับการเดินทางชมกีฬาสด ตามมาติดๆ ด้วยบาสเก็ตบอลและ Formula 1 ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ชื่นชอบไม่ได้เพียงแค่เข้าร่วมงานเหล่านี้ แต่ยังแสวงหาจุดหมายปลายทางที่นำเสนอประสบการณ์เสริม เช่น การสำรวจสถานที่สำคัญในท้องถิ่นและจุดชิมอาหารยอดนิยมในระหว่างตารางการแข่งขันหรือช่วงสุดสัปดาห์ของการแข่งรถ
ในปี 2025 การท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงมีแนวโน้มที่จะสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำยิ่งขึ้น โดยแฟนๆ ผสมผสานการสำรวจวัฒนธรรมเข้ากับความหลงใหลในงานแสดงดนตรีสด ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การท่องเที่ยวที่เน้นประสบการณ์มากขึ้น ที่ความตื่นเต้นของคอนเสิร์ตหรืองานกีฬากลายเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางที่น่าจดจำ
- การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียจะยังคงกำหนดรูปแบบว่าผู้คนจะเดินทางที่ไหนและอย่างไร เนื้อหาการท่องเที่ยวที่ไวรัลบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว 45% แล้ว จุดหมายปลายทางยอดนิยมรวมถึงโตเกียวและบาหลี จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากแนวโน้มนี้ เนื่องจากผู้ใช้มองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความน่าดึงดูดแบบ “Instagrammable” ซึ่งบนแพลตฟอร์ม Trip.com มีฟีเจอร์สำหรับแชร์เนื้อหาการท่องเที่ยว ที่เรียกว่า Trip Moments ที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนนี้
- แนวโน้มไมโครเทรนด์สำหรับปี 2025
- การดูดาวในท้องฟ้ามืด (Dark Sky Stargazing): นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น (37%) กำลังวางแผนเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลเพื่อสัมผัสประสบการณ์การดูดาวที่ดีที่สุด
- การพักในโรงแรมใต้น้ำ: ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบสัมผัสได้จริง Immersive เช่น โรงแรมใต้น้ำและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
- นวัตกรรม AI กับการท่องเที่ยว: เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะปฏิวัติการวางแผนการท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด นักท่องเที่ยวกว่าครึ่ง (58%) ใช้ AI สำหรับคำแนะนำการท่องเที่ยวแล้ว และเครื่องมืออัจฉริยะของ Trip.com เช่น Trip.Genie, Trip.Best และ Trip.Trends ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการเดินทางนี้ด้วยการวางแผนกำหนดการท่องเที่ยวจากคำแนะนำแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรมของผู้ใช้
การเติบโตของการปรับแต่งที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะกำหนดรูปแบบระยะต่อไปของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับการเดินทางที่สะท้อนค่านิยมของตนเองมากขึ้น รวมถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการปกป้องสิ่งแวดล้อม ด้วยการลงทุนของ Trip.com Group ในโซลูชันการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่จะนำการเปลี่ยนแปลงนี้ สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ราบรื่นสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน