PTG เปิดแผนปี 68 ภายใต้แนวคิด Max World เดินหน้าสร้าง Ecosystem เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ ดึงฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านราย เสริมแกร่งธุรกิจ Oil และ Non-Oil ตั้งเป้าดันกำไร Non-Oil แตะ 50% ในปี 71 ชู “กาแฟพันธุ์ไทย” เป็นหัวหอก ขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมมุ่งสู่ Carbon Neutrality ในปี 73
คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน “PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.” ว่าปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมี PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย) เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และกลยุทธ์
ธุรกิจ Oil ของ PTG ทำสถิติใหม่ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,548 ล้านลิตร เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกว่า 10 เท่า (ตลาดเติบโต 0.4% YoY) พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% จาก Same-Store Sales Growth (SSSG) กว่า 11.6% YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาเติมน้ำมันมากขึ้น บ่อยขึ้น และต่อเนื่องขึ้น นอกจากปริมาณที่เติบโตขึ้นแล้ว PTG ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นโครงการหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน และคุณภาพการบริการ เช่น บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก การดูแลลูกค้า พร้อมกลยุทธ์การเติบโตควบคู่ไปกับลูกค้า ชุมชน และ คู่ค้า ผ่านการพัฒนา Max Enterprise Connect (MEC) โซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร และร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับภาครัฐและชุมชน อีกทั้งได้พัฒนาและปรับปรุงสถานีบริการให้เป็น One-Stop Destination รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทุกสถานีกลายเป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน
ทั้งนี้การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย และ Autobacs เกิดจากพลังของฐานลูกค้าสมาชิกมีการเติบโต สะท้อนจากยอดขายกาแฟพันธ์ไทยกว่า 75% มาจากสมาชิก Max Card และ Max Card Plus โดยสมาชิก Max Card Plus มีการบริโภคกาแฟมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7 เท่าต่อเดือน อีกทั้งซื้อกาแฟต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ PTG ยังเติบโตเชิงกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บสย. เพื่อเสริมรากฐานการขยายแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับ กรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. ในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจยั่งยืนเพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดผ่านการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่า สนับสนุนเกษตรกร กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนในทุกภูมิภาค
1. ยกระดับคุณภาพให้ลูกค้ามี “ชีวิตดี” ผ่านบัตร Max Card และ Max Card Plus โดยมอบโอกาสให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย และได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น เช่น เข้าพักจุดบริการ PT MAX CAMP ฟรีระหว่างการเดินทาง ส่วนลด 50 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันใสหรือ LPG ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยหรือคอฟฟี่เวิลด์ ฟรีค่าบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉิน มูลค่า 100 บาท เป็นต้น โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม และเกิดการบอกต่ออย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งที่ PTG ขับเคลื่อนอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้า ดังคำกล่าว “ใครจะเข้าใจคนไทย…ได้ดีกว่าคนไทยด้วยกัน”
2. ขยายธุรกิจ Non-Oil ให้ “เติบโต” โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของกําไรขั้นต้น พร้อมกับธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อีก 25% โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยสู่ 5,000 สาขา ภายในปี พ.ศ. 2571 การขยายสาขานี้จะทําให้กาแฟพันธุ์ไทยเข้าถึงชุมชนและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ในมุมธุรกิจใหม่ Subway ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธุรกิจของ PTG ผ่านบัตร Max Card โดยใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านราย เพื่อมอบความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
3. PTG ได้ย่อ Max World มาอยู่ในมือลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อเพิ่ม “ความสะดวกสบาย” ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่รวมสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษไว้ในที่เดียว
นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจและไม้ยืนต้นร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน
Reduce (10%): ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Drive Internal Decarbonization)
Reforestation (30%): ดูดซับและกักเก็บคาร์บอนผ่านการปลูกป่า การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง (Forest Protection & Conservation Actions)
Readjust Portfolio (60%): ลงทุนใน ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถชดเชยคาร์บอนและเติบโตในระยะยาว (Deploy investments in a carbon offset portfolio)
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PTG ที่ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงมาตรฐาน แต่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ PTG เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกช่วงของชีวิต ผ่าน Max Card และ Max Card Plus ซึ่งเป็นมากกว่าบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม