SCAP สุดปลื้ม! ฟิทช์จัดอันดับเครดิต ‘A-(tha)’ สะท้อนฐานะการเงินมั่นคง เพิ่มศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินต้นทุนต่ำ ช่วยเสริมแกร่งกลุ่ม SAWAD
บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยครบวงจร ประกาศข่าวดี! ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่ SCAP ที่ระดับ ‘A-(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F2(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต “มีเสถียรภาพ” (Stable Outlook) ระดับเดียวกับอันดับเครดิตของกลุ่มศรีสวัสดิ์ (SAWAD) สะท้อนโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งของกลุ่ม และเครือข่ายการดำเนินงานในธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่มีมายาวนาน รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพียงพอ และอัตราหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลาง พร้อมกันนี้ ฟิทช์ยังได้ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันสกุลเงินบาทของ SCAP ที่ออกเสนอขายไปแล้วที่’A-(tha)’ ซึ่งจะครบกำหนดตั้งแต่พฤศจิกายน 2568 – กุมภาพันธ์ 2572
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ระบุว่า อันดับเครดิตของ SCAP มาจากอันดับเครดิตรวมของกลุ่มแม่ นำโดยบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ซึ่งอันดับเครดิตของ SCAP ไม่สามารถแยกออกจากกลุ่มได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีขนาดใหญ่และมีระดับการบูรณาการกับนิติบุคคลอื่นในกลุ่มสูง ดังนั้น จึงจัดอันดับเครดิตของ SCAP ในระดับเดียวกับกลุ่ม โดยมองว่ากิจการของกลุ่มมีตำแหน่งทางการตลาดและเครือข่ายในกลุ่มธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคอยู่ในระดับที่ดี
นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีและรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ SCAP ได้รับการจัดอันดับเครดิตระดับ ‘A-(tha)’ จากฟิทช์ เรทติ้งส์ สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มที่แข็งแกร่ง และการปล่อยสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการได้รับอันดับเครดิต ‘A-(tha)’ จะเอื้อประโยชน์ให้ SCAP เข้าถึงต้นทุนทางการเงินในระดับที่แข่งขันได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทำให้ขยายพอร์ตสินเชื่อได้มากขึ้น สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่ม SAWAD รวมถึงส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ”
SCAP มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เดินหน้ารักษามาตรฐานผลการดำเนินงานอย่างมั่นคง โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 7,750.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.18% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 729.63 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้อยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัว สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับปี 2568 SCAP ตั้งเป้าหมายสร้างกำไรสุทธิเติบโตกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการเติบโตเชิงคุณภาพผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพฝ่ายขาย, การบริหารพันธมิตรดีลเลอร์อย่างมีระบบ, การอนุมัติสินเชื่อและควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มข้น, การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการยกระดับองค์กรด้วยเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและรองรับการเติบโตในระยะยาว
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความท้าทาย SCAP ยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ โดยเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระหนี้จนครบสัญญา พร้อมใช้ระบบควบคุมความเสี่ยงและเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งการได้รับอันดับเครดิตในระดับ ‘A-(tha)’ จะช่วยให้ SCAP สามารถขยายฐานในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“SCAP ยึดมั่นในการให้บริการสินเชื่ออย่างโปร่งใส เข้าถึงได้ และสร้างโอกาสทางการเงินที่เท่าเทียมแก่ประชาชนไทย” นางสาวดวงใจ กล่าวทิ้งท้าย