“กลุ่มมโนธรรมรักษา” ปูพรมลงทุนอสังหาฯ ย่านหาดในทอน จังหวัดภูเก็ต วางเป้าสร้างอาณาจักร “Mini Laguna” บนที่ดิน 80 ไร่ ต่อยอดจากฐานแลนด์ลอร์ดในพื้นที่ ดึงทุนจีน-เชนโรงแรมระดับโลกร่วมพัฒนาโครงการคอนโดฯ และวิลล่าหรู รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท รับดีมานด์ต่างชาติทะลัก โดยเฉพาะกลุ่มรัสเซีย-ยุโรป
นายวีระวิทย์ มโนธรรมรักษา รองประธานกรรมการ บริษัท บีสตาร์ท เฮฟเว่น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือกลุ่มมโนธรรมรักษา เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาฯ บนที่ดินกว่า 80 ไร่บริเวณ “หาดในทอน” จ.ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นโซนศักยภาพใหม่ที่กำลังเติบโตจากความสงบ เงียบ เป็นธรรมชาติ และอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติ โดยเป้าหมายระยะยาวคือการพัฒนาให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น “Mini Laguna” หรือศูนย์กลางที่พักอาศัย-การท่องเที่ยวครบวงจรคล้ายย่านลากูน่าภูเก็ต แต่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า และเหมาะกับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ต่างชาติที่ต้องการอยู่อาศัยระยะยาว
ทุนจีน-เชน WYNDHAM เสริมแกร่งการลงทุน
บริษัทได้ร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีน “Bestart International Holdings” พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “Seaheaven Phuket Naithon” โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 1,500 ล้านบาท (เฟส 1-2) ซึ่งเฟสแรกขายหมดแล้ว ส่วนเฟส 2 จำหน่ายไปแล้วกว่า 72% ในราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันสูงสุดแตะ 170,000 บาท/ตร.ม.
โครงการยังได้จับมือกับเชนโรงแรมระดับโลก “WYNDHAM” เข้ามาบริหารโครงการ เสริมความน่าเชื่อถือและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนระยะยาว พร้อมการันตีผลตอบแทน 7% ต่อปี ล่าสุด ได้เปิดตัว “Seaheaven เฟส 3” คอนโดฯ ใหม่ 2 อาคาร มูลค่า 1,400 ล้านบาท โดยเฟสแรกขายไปแล้ว 69% ขณะที่เฟสถัดไปจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2568
วิลล่าหรู 500-800 ล้าน รองรับดีมานด์อยู่อาศัย
นอกจากโครงการคอนโดฯ แล้ว กลุ่มมโนธรรมรักษายังต่อยอดพัฒนาวิลล่าหรู โดยเปิดตัว “ภูวิสต้า วิลล่า” มูลค่า 500 ล้านบาท มีเพียง 10 ยูนิต ราคา 32-72 ล้านบาท ปัจจุบันจำหน่ายไปแล้ว 8 ยูนิต โดยลูกค้าหลักเป็นกลุ่มรัสเซียและยุโรป ขณะที่อีกหนึ่งโครงการใหม่ “ภูวิสต้า แอร์พอร์ต” บนที่ดินกว่า 15 ไร่ บริเวณหาดในยาง กำลังจะเปิดพรีเซลในเดือนพฤษภาคม 2568 รวมมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท มีทั้งหมด 44 ยูนิต
สำหรับปี 2569 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ในทำเลเดียวกัน คือ “แซง โทเปซ” (Saint Tropez) คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 7 ชั้น มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท จำนวน 100 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.5-6 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มตลาดต่างชาติที่มองหาที่พักตากอากาศขนาดกะทัดรัด ราคาจับต้องได้
เป็นแลนด์ลอร์ดย่านในทอน เตรียมต่อยอดสู่ Mixed-use
นายวีระวิทย์ ระบุว่า พื้นที่ 80 ไร่บริเวณหาดในทอน เป็นที่ดินที่ครอบครัวมโนธรรมรักษาซื้อสะสมมาอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 10 ปี ทั้งแบบซื้อขาดและเช่าระยะยาว โดยถือเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดในย่านนี้ และเริ่มพัฒนาอสังหาฯ มาตั้งแต่ปี 2562 ทั้งอาคารพาณิชย์ โรงแรม และร้านค้า ก่อนต่อยอดสู่คอนโดฯ และวิลล่า
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการต่อยอดในรูปแบบ “มิกซ์ยูส” ในอนาคต เช่น ศูนย์สุขภาพ ร้านอาหาร หรือรีเทล เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยระยะยาวมากขึ้น
สร้างมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัย
ในประเด็นเรื่องภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวและสึนามิ บริษัทให้ความสำคัญด้านโครงสร้างอาคาร โดยใช้ระบบก่อสร้างที่รองรับแผ่นดินไหวได้ถึง 7.7 แมกนิจูด และออกแบบให้พื้นที่อยู่ในแนวเขาป้องกันธรรมชาติ พร้อมรับการแจ้งเตือนภัยจากระบบของรัฐอย่างใกล้ชิด