เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เพิ่มความสามารถในการทำกำไรและการแข่งขัน-ลดต้นทุน ปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากเวียดนาม-อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ ให้ความเชื่อมั่นสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าไม่มีผลทางตรงกับบริษัท พร้อมเพิ่มโอกาสในการนำเข้าวัสดุตกแต่งพื้นผิวเพื่อความหลากหลายของสินค้า ในฐานะ SCGD เป็นผู้นำเข้าสินค้าเบอร์หนึ่ง
นายสมิทธิ โกสีย์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน (CFO) บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยข้อมูลของบริษัทในงาน SCGD Opportunity Day การนำเสนอข้อมูลธุรกิจ และผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่1/2568 วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ว่า แนวโน้มความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 หลังจากไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทเติบโต EBITDA อยู่ที่ 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาสก่อน EBITDA Margin อยู่ที่ 13.7% สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 11.9% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกัน อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.9% เทียบกับ 2.8% ในไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ในฐานะที่ SCGD เป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่ง บริษัทยังเล็งเห็นโอกาสในการนำเข้าสินค้าวัสดุปิดผิวเพิ่มเติม เพื่อคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสม เติมเต็มความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
“ช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการต่อรองและคัดเลือกสินค้าที่มีความเหมาะสม และเร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เมื่อตลาดกลับมาฟื้นตัว จะสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ในอนาคต รวมถึงการปรับพอร์ต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลก ทำให้บริษัทสามารถส่งออกได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ตามภาวะตลาดในปีนี้ สำหรับตลาดในประเทศไทยยังมีความท้าทาย ไตรมาสที่ 2 ยอดขายเป็นฤดูกาลหยุดยาวเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ส่วนเวียดนาม มีแนวโน้มดีขึ้นจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่วนฟิลิปปินส์ บรรยากาศภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นจากเงินเฟ้อที่ทรงตัว และดอกเบี้ยขาลง และอินโดนีเซีย มีโครงการบ้านภาครัฐหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์