บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ประเมินแนวโน้ม Q2/68 สดใส ผลจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ Alternative โตแรง โดยเฉพาะประกันภัยต่อ A&H-Cyber ดีมานด์สูง ฟากบิ๊กบอส “ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์” ระบุ ดึง AI พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ร่วมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำต่อเนื่อง พร้อมมุ่งเสริมทักษะ ความรู้บุคลากรเพิ่ม เพื่อแข่งขันได้ในระดับสากล ดันรายได้ปี 68 เติบโต 5-10% นิวไฮต่อเนื่อง
นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ยังมีทิศทางที่ดี จากความต้องการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทประกันภัยต่างๆ มีความต้องการทำประกันภัยต่อตามไปด้วย โดยเฉพาะประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative) เช่น ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health) เนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และการเกิดโรคร้ายแรง ประกอบกับในยุคดิจิทัลมีความก้าวหน้าของด้านเทคโนโลยีต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ประกันภัยต่อไซเบอร์ (Cyber) จึงมีความต้องการมากขึ้น ซึ่ง TQR มีความพร้อมในการให้บริการทั้งในรูปแบบองค์กร (Corporate Cyber) และส่วนบุคคล (Personal Cyber) เพื่อรองรับความเสี่ยงใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
สำหรับประกันภัยต่อความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers), ประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence), ประกันภัยต่อที่เกี่ยวข้องกับ ESG เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังมีความต้องการทำประกันภัยเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในด้านธุรกิจประกันภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) การเติบโตยังคงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของมหภาคเป็นสำคัญ
“ความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม ภัยธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่างๆ ได้ตลอดเวลา สำหรับ TQR มองว่า ความเสี่ยงคือโอกาส เรามีการศึกษา นำ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยและประกันภัยต่อร่วมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำอยู่เสมอ และภายหลังการเกิดแผ่นดินไหว TQR ร่วมกับบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) พัฒนาประกันภัยและประกันภัยต่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมกันนี้ ยังมีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ทั้งการเสริมสร้างทักษะความรู้และวิสัยทัศน์ เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายชนะพันธุ์ กล่าว
“บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตในปีนี้ที่ระดับ 5-10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยยังคงเน้นกลยุทธ์หลัก คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการ และช่วยลดต้นทุนในการบริหารธุรกิจ การพัฒนาทักษะและศักยภาพของบุคลากร เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดประกันภัยและประกันภัยต่อได้ในระดับสากล” นางยุพเรศ กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) มีกำไรสุทธิ 33.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.20% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท และมีรายได้รวม 82.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.18% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 80.69 ล้านบาท