การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค ถือเป็นแนวทางที่วิริยะประกันภัยดำเนินมาตลอด 78 ปี ของการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย สะท้อนผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ได้มาตรฐาน การส่งมอบบริการอันเป็นเลิศ ตลอดจนการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ขององค์กรในทุกมิติ โดยสิ่งหนึ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญนั้นก็คือ “ชุดยูนิฟอร์ม” ที่ช่วยถ่ายทอดภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ และความมุ่งมั่นของบุคลากรวิริยะประกันภัยทุกภาคส่วน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วิริยะประกันภัยได้มีการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบชุดยูนิฟอร์มของพนักงาน เฉลี่ยทุก 3–5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย สภาพแวดล้อมในการทำงาน วิถีชีวิตของพนักงาน รวมถึงมาตรฐานด้านภาพลักษณ์ขององค์กร โดยในปี 2568 นี้ วิริยะประกันภัยจึงได้มีการปรับโฉมชุดยูนิฟอร์มในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเน้นความเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายของพนักงานทุกเจนเนอเรชัน
และผู้ที่ทำหน้าที่สร้างสรรค์ชุดยูนิฟอร์มใหม่ ที่สะท้อนทั้งตัวตนขององค์กรและผู้สวมใส่นั้นก็คือ อธิชวิชญ์ ลีประวัติ นักออกแบบเสื้อผ้าที่คร่ำหวอดในวงการมากกว่า 15 ปี โดยได้ถ่ายทอดลักษณะของบุคลากรวิริยะประกันภัย ด้วยการออกแบบเสื้อผ้าที่เน้นโทนสีน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และเป็นธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังคงสะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพของบริษัทฯ เอาไว้อย่างครบถ้วน
“ความพิเศษของการออกแบบในครั้งนี้ คือ การกำหนดรูปแบบเสื้อท่อนบนเป็นหลัก ทั้งเสื้อแจ็คเก็ต เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล เสื้อยืด และเสื้อเฉพาะตำแหน่งงานอื่น ๆ เพื่อให้พนักงานสามารถเลือกสวมใส่ท่อนล่างได้เองตามโทนสีและรูปแบบที่บริษัทกำหนดไว้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของความยืดหยุ่นในการแต่งกายให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ จึงกำหนดให้พนักงานใส่ชุดยูนิฟอร์มเฉพาะวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี และสามารถแต่งชุดไปรเวทมาทำงานได้ทุกวันศุกร์ รวมทั้งยังมีสวัสดิการชุดยูนิฟอร์มให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพนักงานได้ในอีกทางหนึ่ง” คุณอมร กล่าว
“ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวิริยะประกันภัย ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวทาง ESG ที่บริษัทฯ ยึดถือมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบยูนิฟอร์มใหม่ที่คำนึงถึงความหลากหลายของพนักงาน การใส่ใจต่อผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือแม้กระทั่งการจัดการกับยูนิฟอร์มเก่าอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ซึ่งล้วนเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตไปพร้อมกับสังคมอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมมุ่งสู่อนาคตที่น่าอยู่สำหรับทุกคนต่อไป” อมร กล่าวทิ้งท้าย