“ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแบรนด์เนมมือสอง แต่เป็นประสบการณ์แฟชั่นที่เข้าถึงได้ มีสไตล์ และเป็นมิตรต่อโลก” นี่คือหัวใจของ RAGTAG แบรนด์รีเทลจากญี่ปุ่นที่เดินเกมรุกสู่เมืองไทยอย่างเป็นทางการผ่านความร่วมมือกับเครือสหกรุ๊ป
จากฮาราจูกุสู่วัน แบงค็อก
แบรนด์ RAGTAG เริ่มต้นในปี 1985 ณ ใจกลางย่านฮาราจูกุ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำให้สินค้าแฟชั่นระดับไฮเอนด์สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างโดยไม่สูญเสียคุณค่าและภาพลักษณ์ของความหรูหรา
ปัจจุบัน RAGTAG มีสาขากว่า 24 แห่งทั่วญี่ปุ่น และประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาด “แฟชั่นมือสองลักชัวรี่” (Luxury Pre-owned Fashion) ภายใต้การบริหารของบริษัท Tin Pan Alley Co., Ltd. ในเครือของ World Group หนึ่งในผู้นำธุรกิจแฟชั่นรีเทลในญี่ปุ่น
การเปิดสาขาแรกในไทย ณ One Bangkok จึงไม่ใช่แค่การขยายธุรกิจ แต่คือการยกระดับ “แฟชั่นมือสอง” ให้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้บริโภคไทย
RAGTAG โดดเด่นด้วยแนวคิด “Fashion Curation” ที่เหนือกว่าร้านมือสองทั่วไป เพราะทุกชิ้นที่วางขายผ่านกระบวนการคัดเลือกและตรวจสอบอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่นเท่านั้น
ภายในร้าน คุณจะพบสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทั้ง Chanel, Celine, Comme des Garçons, Balenciaga, Prada, Issey Miyake, Loewe และอีกกว่า 5,000 แบรนด์ โดยทุกชิ้นต้องผ่าน “RAGTAG Standard” ซึ่งครอบคลุมทั้งคุณภาพ สภาพสินค้า และความร่วมสมัยของดีไซน์
“เราไม่ได้ขายของมือสองธรรมดา แต่เรานำเสนอ ‘ประสบการณ์ช้อป’ ที่เหมือนอยู่ในร้านแฟชั่นระดับไฮเอนด์ มีบริการแบบพรีเมียม พนักงานเข้าใจสินค้าจริง และช่วยแนะนำสไตล์ได้แบบ Personal Stylist” คุณฮายาโตะ โมเทกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ สห (ประเทศไทย) จำกัด
เจาะตลาดไทย ผ่าน “สไตล์ยั่งยืน”
ในมุมของการขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดนำร่องที่ RAGTAG เล็งเห็นศักยภาพสูงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปิดกว้างต่อแบรนด์เนมมือสอง รวมถึงเทรนด์ความยั่งยืนที่กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของวงการแฟชั่น
ก่อนจะเปิดสาขาถาวร RAGTAG เคยทดลองจัด Pop-up Store เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมผู้บริโภค และได้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า คนไทยมีความรู้เรื่องแฟชั่นมากขึ้น สนใจสินค้าลิมิเต็ด และเริ่มมองหาทางเลือกที่ยั่งยืนแทนการซื้อของใหม่เสมอไป
“การเลือก One Bangkok เป็นโลเคชันสาขาแรก ไม่ใช่แค่เพราะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯ แต่เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมของผู้บริโภคพรีเมียมที่ให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพ ดีไซน์ และความยั่งยืน” คุณฮายาโตะ โมเทกิ
นอกจากหน้าร้านที่ One Bangkok แล้ว RAGTAG ยังเปิดช่องทาง Online Sales เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยมีแผนต่อยอดด้วยบริการรับซื้อสินค้าแฟชั่นจากลูกค้าในอนาคต (Consignment Model)
จากรายงานของ ThredUp และ BCG ตลาดแฟชั่นมือสองทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตมากกว่าแฟชั่นใหม่ถึง 2 เท่าในช่วงปี 2024–2030
สาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ที่มองหาทางเลือกใหม่ในการบริโภคแฟชั่น ทั้งในแง่ของการประหยัด การแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และที่สำคัญคือ ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
“Circular Fashion” หรือแฟชั่นหมุนเวียน จึงไม่ใช่แค่กระแส แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการแฟชั่น ซึ่ง RAGTAG ได้พิสูจน์แล้วในญี่ปุ่นว่า “มือสอง” สามารถเป็นแบรนด์ระดับท็อปได้ หากมีความเชี่ยวชาญ ความใส่ใจ และความเข้าใจในแฟชั่นจริง
ในประเทศไทย การร่วมทุนระหว่าง World Group กับ 4 บริษัทในเครือสหกรุ๊ป ได้แก่
- บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
- บริษัท บีเอสซี โซ อิน จำกัด
- บริษัท ไอ.ดี.เอฟ. จำกัด
- บริษัท ทีเอ็นแอลเอ็กซ์ จำกัด
คือการผสาน Know-how ทางแฟชั่นของญี่ปุ่นกับเครือข่ายรีเทลของไทยเพื่อรุกตลาดแบบเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการเปิดสาขาในแหล่งช้อปปิ้งหลักของกรุงเทพฯ และขยายไปยังตลาดอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต
มากกว่าการขายของมือสอง คือการเปลี่ยนแนวคิดการบริโภคแฟชั่น
RAGTAG ไม่ใช่แค่ผู้จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง แต่คือผู้นำวิธีคิดแบบใหม่ของวงการแฟชั่น — ที่หรูหราและยั่งยืนสามารถอยู่ร่วมกันได้ และแฟชั่นที่ดีไม่จำเป็นต้องผลิตใหม่เสมอไป
ในวันที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับ Fast Fashion และหันมามองหาทางเลือกที่มีความหมายมากขึ้น RAGTAG จึงเป็นทั้งคำตอบ และโอกาสทางธุรกิจที่มีอนาคตรออยู่
“ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าเก่า แต่คือโอกาสใหม่ของแฟชั่นโลก”