SCG ครึ่งปีแรก 68 กำไรโต EBITDA แกร่ง เดินเกมรุก Smart Value–Green Products รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน

575

SCG โชว์ฟอร์มครึ่งปีแรก 2568 ปรับตัวแกร่งทุกกลุ่มธุรกิจ EBITDA แตะ 3 หมื่นล้าน หนี้ลดเกือบหมื่นล้าน เดินหน้า 3 กลยุทธ์หลัก สร้างแต้มต่อผ่านฐานผลิตในอาเซียน ใช้ AI–ระบบอัตโนมัติลดต้นทุน พร้อมดันสินค้านวัตกรรม-รักษ์โลก เจาะตลาดโตไวในและต่างประเทศ เคาะปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ผลจากการดำเนินมาตรการเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2567 ส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) ครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 30,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากครึ่งปีหลังของปี 2567

เอสซีจีปรับพอร์ตลงทุน หยุดธุรกิจไม่ทำกำไร และเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจซีเมนต์ฯ บริหารต้นทุนได้ดี ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) ใช้ AI และเทคโนโลยีช่วยบริหารต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) เริ่มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันที่ปรับลด และมีรายได้เงินปันผลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

เฉพาะไตรมาส 2/2568 เอสซีจีลดเงินทุนหมุนเวียนลง 7,164 ล้านบาท หนี้สินสุทธิลดลงอีก 8,365 ล้านบาท พร้อมมีเงินสดในมือสูงถึง 45,542 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส

ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 มีรายได้รวม 249,077 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18,436 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 3,266 ล้านบาท

3 ยุทธศาสตร์ “ฝ่าวิกฤตโลก”

นายธรรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และราคาพลังงานที่ผันผวน ทำให้ SCG ต้องเร่งปรับตัว ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ “เสริมฐานผลิตในอาเซียน – ลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี – ผลักดันสินค้านวัตกรรมและรักษ์โลก”

1. กระจายฐานผลิตในอาเซียน – ชิงความได้เปรียบภาษี-ต้นทุน SCG ใช้ข้อได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์และภาษีจากประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม ที่มีสิทธิส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำกว่า พร้อมเตรียมเดินเครื่องโรงงานปิโตรเคมิคอลส์ LSP เชิงพาณิชย์ปลายเดือนสิงหาคม 2568 และขยายกำลังการผลิตปูนคาร์บอนต่ำ-กระเบื้อง-บรรจุภัณฑ์ ครอบคลุมกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์อาหาร และสินค้าไลฟ์สไตล์

2. ลดต้นทุนด้วย AI – Robotics – Digital Automation SCG เร่งยกระดับกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และ AI ทั้งในสายปูนซีเมนต์ แพคเกจจิ้ง และผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน เช่น หุ่นยนต์ขนส่ง EV ในเหมือง, ระบบจัดเก็บอัตโนมัติ AS/RS, AI ออกแบบสินค้า-ควบคุมคุณภาพ, ระบบผลิตกระเบื้องอัตโนมัติ ช่วยลดต้นทุนรวมได้หลายพันล้านบาท พร้อมบริหารคลังสินค้า-ลดของเสียจากการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ปั้นพอร์ต Smart Value – HVA – Green รุกตลาดโตไว SCG เดินหน้าสร้างการเติบโตจากสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และสินค้าราคาคุ้มค่า (Smart Value) พร้อมผลักดัน Green Products รับแนวโน้มผู้บริโภคใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมีไฮไลต์ ได้แก่ ปูน ADAMAX เวียดนาม / 5 Star กัมพูชา / Bezt อินโดนีเซีย, โซลูชัน CHILLOX ห้องเย็นประหยัดพลังงาน, บริการ DRS ดิจิทัลโซลูชันอุตสาหกรรม, ฟิล์ม Raycoool สะท้อนรังสีความร้อน, ArcBox ป้องกันไฟลุกลามแผงโซลาร์, ประตูหน้าต่างไวนิลคาร์บอนต่ำ WINDSOR, กระเบื้อง DECAAR รุ่นคอมฟอร์ท สะท้อนความร้อน

ครึ่งปีหลังยังท้าทาย – เร่งสร้างพันธมิตร-ขับเคลื่อนสู่ Green Transition

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน SCG ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดโครงการ “NZAP: Net Zero Accelerator Program” และ “Go Together” ควบคู่กับจัดเวที ESG Symposium ที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ โดยเชิญองค์กรระดับโลก อาทิ สหประชาชาติ (DCO), MIT และหน่วยงานระดับประเทศ เช่น ธปท. – TDRI – สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ Green Transition

เคาะปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท/หุ้น – จ่าย 28 ส.ค.

คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 ในอัตรา 2.50 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 3,000 ล้านบาท โดยกำหนดวัน XD วันที่ 13 สิงหาคม และจ่ายเงินในวันที่ 28 สิงหาคม 2568