เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก 2025 เบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 1.94 ล้านล้านบาท มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย รวมถึงธุรกิจประกันชีวิตที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความคุ้มครอง สุขภาพ และยูนิตลิงค์ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระยะยาว ขณะเดียวกันกลุ่มยังคงรักษาระดับเงินทุนที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนความมั่นคงทางการเงินสูงถึง 212% กำไรสุทธิหลังปรับปรุง อยู่ที่ 82.9 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลลัพธ์เชิงบวกจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 27: Driving Excellence
มร.ฟิลิปป์ ดอแนต์ (Mr. Philippe Donnet) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า “ผลประกอบการครึ่งปีแรกของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป สะท้อนถึงการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งของแผนกลยุทธ์ ‘Lifetime Partner 27: Driving Excellence’ โดยยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในธุรกิจประกันภัย และแพลตฟอร์มการบริหารสินทรัพย์ระดับโลกของกลุ่มเจนเนอราลี่ โดยเฉพาะในด้านธุรกิจกลุ่มประกันวินาศภัย (P&C) ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกภูมิภาคหลัก ซึ่งเป็นผลจากการที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับกลุ่มประกันชีวิตที่มีการเติบโตของเงินไหลเข้าสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากสายธุรกิจที่เราให้ความสำคัญ ส่วนด้านธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงด้วยรับแรงสนับสนุนจากการควบรวมกิจการของ Conning Holdings Limited
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลจากความทุ่มเทของพนักงานทุกคนและเครือข่ายตัวแทน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการเป็น Lifetime Partner ให้กับลูกค้าพร้อมยกระดับขีดความสามารถหลักของกลุ่มและพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเจนเนอราลี่ กรุ๊ป จะเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นตามแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”
จากปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ปมี ผลกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Result) อยู่ที่ 1.56 แสนล้านบาท (4 พันล้านยูโร) คิดเป็นกำไรสุทธิหลังปรับปรุง (Adjusted Net Result) อยู่ที่ 82.9 พันล้านบาท (2.2 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 10.4% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EPS) เพิ่มขึ้นเป็น 56.61 บาทต่อหุ้น (1.47 ยูโรต่อหุ้น) โดยเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2024 และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนความมั่นคงทางการเงิน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 212% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารความเสี่ยง การจัดสรรทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงผลของโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 500 ล้านยูโร โดยผลการดำเนินงานทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
หมายเหตุ อัตราขายถัวเฉลี่ย 1 ยูโร เท่ากับ = 38.5089 บาท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568)
อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย: https://www.bot.or.th/th/statistics/exchange-rate.html