“ชาตรามือ” แตกไลน์ CTM เขย่าตลาดชาไทย ทายาทรุ่น 3 ปั้น “Captivating Tea Muse” เจาะคนรุ่นใหม่–ดันชาไทยสู่สากล

ท่ามกลางกระแสธุรกิจเครื่องดื่มที่แข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะ “ตลาดชา” ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแบรนด์ทั้งไทยและต่างประเทศ ชาตรามือ—แบรนด์ชาที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 80 ปี—เลือกเดินหมากใหม่ สร้างแบรนด์ CTM: Captivating Tea Muse เพื่อยกระดับชาไทยสู่ภาพลักษณ์โมเดิร์น พร้อมปักหมุดสาขาแรกที่ Central Park Bangkok และเตรียมรุกขยายในย่าน CBD เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้าสู่โลกของชา

ตลาดชาที่กำลังเติบโต และโจทย์ของผู้เล่นไทย

ข้อมูลจากผู้ประกอบการในวงการเครื่องดื่มสะท้อนว่า พฤติกรรมการดื่มชาของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่นิยมชาร้อนหรือชาเย็นแบบดั้งเดิม ปัจจุบันตลาดมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งชาเขียว มัทฉะ หรือชาผสมผลไม้ ขณะที่แบรนด์ต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและไต้หวัน เข้ามาเปิดตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันทวีความเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การแข่งขันนั้น ยังคงเป็น “ตลาดขยายตัว” โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานในเมืองที่มองหาทางเลือกใหม่ ๆ ของเครื่องดื่มที่ให้ทั้งรสชาติ ความสดชื่น และประสบการณ์ที่แตกต่าง

CTM: ยกระดับชาไทยสู่ภาพลักษณ์โมเดิร์น

พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช (แพรว) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด และทายาทรุ่น 3 ของชาตรามือ เปิดเผยว่า การสร้าง CTM ไม่ได้เป็นเพียงการแตกไลน์ร้านชา แต่คือการ “รีแบรนด์เชิงรุก” เพื่อยกระดับชาไทยให้เป็นสินค้าที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์และแรงบันดาลใจ

“เราไม่ได้มองชาเป็นเพียงเครื่องดื่ม แต่คือประสบการณ์ในแต่ละแก้ว ที่สามารถสร้างความสดชื่น ความผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งแรงบันดาลใจได้”

ด้วยแนวคิดนี้ CTM จึงถูกพัฒนาภายใต้คอนเซปต์ “ชา = สุนทรียภาพ” โดยผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชาเข้ากับเมนูกว่า 40 รายการ และมี “Captivating Series” 6 เมนูซิกเนเจอร์ เช่น ชาไทย CTM เครมบรูเล่, ชาส้มโอทับทิมสยาม, และ ชาขาวไอวอรี่นมปั่น ที่สะท้อนความเป็นชาไทยในมิติใหม่

สิ่งที่ตอกย้ำความแตกต่างคือ การสกัดชาแก้วต่อแก้วแบบสด ๆ ซึ่งไม่เพียงรักษาความหอมและรสชาติ แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบจากไร่ชาไทย สนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกโดยตรง

ตลาดชาไทย: โอกาสและการแข่งขัน

ข้อมูลจาก Chobcha (2024) ระบุว่า ตลาดชาในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 16,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหลายเซ็กเมนต์สำคัญ เช่น

  • ชาเขียวและชาเพื่อสุขภาพ: ครองสัดส่วนตลาดใหญ่สุด มูลค่าราว 23,000 ล้านบาท (อ้างอิงจากตลาดชาเขียว 2019)
  • Bubble Tea (ชาไข่มุก): ปี 2025 คาดว่ามีมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( 6,650 ล้านบาท) และจะพุ่งแตะ 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( 22,000 ล้านบาท) ในปี 2031 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 21.6%
  • ชาพร้อมดื่ม (RTD): ตลาดโลกเติบโตเฉลี่ย 6–7% ต่อปี โดยเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ขยายตัวสูงสุด

แม้การแข่งขันในตลาดชาจะรุนแรง ทั้งจากผู้เล่นไทยและต่างประเทศ แต่ชาตรามือมองว่าเป็นโอกาสในการขยายตลาดและยกระดับมาตรฐาน เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และผู้ผลิตเองก็ต้องพัฒนาเพื่อสร้างความแตกต่าง

กลยุทธ์รุกย่าน CBD – สร้างฐานสู่ Global Brand

แม้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดจำนวนมาก แต่ชาตรามือมองการแข่งขันว่าเป็น “แรงผลักดัน” ที่ทำให้ผู้ผลิตไทยต้องพัฒนามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

คุณแพรวย้ำว่า “ชาไทยมีรสชาติที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก CTM จะเป็นอีกเวทีที่ทำให้ผู้บริโภคได้ดื่มด่ำเสน่ห์ของชาไทยในมิติใหม่ และเชื่อมโยงความเป็นไทยสู่สากล”

สำหรับแผนธุรกิจ CTM เตรียมขยายสาขาเพิ่มเติมภายในปีนี้ โดยโฟกัสไปที่ ทำเลศักยภาพในย่าน CBD เช่น สีลม สาทร และสุขุมวิท ที่เป็นศูนย์รวมของคนทำงานและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และขยายฐานลูกค้าได้รวดเร็ว

Roadmap สู่เวทีโลก

แม้ CTM เพิ่งเปิดสาขาแรก แต่ชาตรามือมีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการปูทางสู่การเป็น Global Brand ภายใน 3–5 ปี โดยเริ่มจากการเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเมืองไทย จากนั้นจะต่อยอดสู่ตลาด อาเซียน ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยกับชาไทยเป็นทุนเดิม ก่อนขยายไปสู่ ญี่ปุ่น–เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคเปิดกว้างกับชาเกรดพรีเมียม และสุดท้ายคือ ยุโรปและอเมริกา ที่ชาไทยยังถูกมองว่า “แปลกใหม่” และมีโอกาสเจาะกลุ่มผู้บริโภคสายเครื่องดื่ม Specialty

การเปิดตัว CTM จึงไม่ได้เป็นเพียง “การแตกไลน์ธุรกิจ” แต่สะท้อนถึง การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ ของชาตรามือ เพื่อเชื่อมต่อคนรุ่นใหม่ ยกระดับมูลค่าชาไทย และสร้างแบรนด์ที่พร้อมแข่งขันในระดับโลก

CTM กำลังพิสูจน์ว่า “ชาไทย” ไม่ได้หยุดอยู่ที่ตำนาน แต่สามารถถูกเล่าเรื่องใหม่ ๆ ผ่านแก้วที่สร้างแรงบันดาลใจได้ทุกวัน

#PremiumTeaCaptivating Tea MuseCTMชาตรามือชาไทย
Comments (0)
Add Comment