การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของ ดุสิตธานี (DUSIT) กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เมื่อคณะกรรมการดุสิตธานี มีมติแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ ขึ้นนั่งควบตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (Group CEO) ต่อจาก นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ขอเกษียณก่อนครบวาระ เพื่อรับบทบาทใหม่ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล
แม้เป็นการเปลี่ยนผู้นำระดับสูงในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ฝ่ายบริหารย้ำว่า “ทุกอย่างยังเดินหน้าตามรากฐานเดิมที่ถูกวางไว้อย่างมั่นคง” ทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่และแผนการพลิกผลประกอบการกลับมาเป็นบวกในปี 2569
นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวว่า “บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ได้รับโอกาสอันสำคัญในการทำงานเพื่อประเทศชาติ พร้อมขอบคุณในความทุ่มเทและวิสัยทัศน์ที่ได้วางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดที่ผ่านมา เราพร้อมต้อนรับการกลับมาเสมอ และขออวยพรให้เธอประสบความสำเร็จในภารกิจอันทรงเกียรติ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างยั่งยืน”
จากขาดทุนสะสม…สู่ปีแห่ง “กำไรที่รอปลดล็อก”
ในเชิงตัวเลข ดุสิตธานี ยังมีความท้าทาย โดยบันทึกผลขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท และงดจ่ายปันผลตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกัน รายได้รวมเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จาก 5,370 ล้านบาท (ปี 2557) สู่ 11,204 ล้านบาท (ปี 2567) และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะสะท้อนชัดในปี 2569 คือ การโอนโครงการ Dusit Residences มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งได้ขายไปแล้วกว่า 90% คาดว่าปี 2569 จะมียอดการโอน คิดเป็นกว่า 80% ของยูนิตทั้งหมดราว 400 ยูนิต ขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงแรมกว่า 50 แห่งทั่วโลกก็จะทยอยสร้างรายได้
ขยายจาก 2 ธุรกิจ สู่โครงสร้างใหม่ 5 ธุรกิจหลัก
กว่า 10 ปีที่ผ่านมา ดุสิตธานี ไม่ได้เป็นเพียงเครือโรงแรม แต่ขยายพอร์ตธุรกิจสู่ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่
- ธุรกิจโรงแรมและวิลล่า : จาก 27 แห่ง ขยายสู่ 297 แห่ง ครอบคลุม 18 ประเทศ
- ธุรกิจการศึกษา : โรงเรียนสอนการโรงแรมและพัฒนาบุคลากร ป้อนคนสู่ตลาดโลก
- ธุรกิจอาหาร : โรงแรมไทยรายแรกที่ได้ มิชลินสตาร์
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ : โครงการ Dusit Central Park มูลค่า 46,000 ล้านบาท
- ธุรกิจใหม่ Sport & Learning Integration : พื้นที่กีฬาผสมการเรียนรู้ ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชัน
การ Balance พอร์ตธุรกิจให้หลากหลาย ช่วยลดการพึ่งพารายได้จากโรงแรมเพียงอย่างเดียว และทำให้โครงสร้างธุรกิจแข็งแรงพอรับแรงกระแทกจากวิกฤตในอนาคตได้
ความเชื่อมั่นนักลงทุน–รางวัลการันตีระดับโลก
แม้ตัวเลขกำไรสุทธิยังไม่กลับมา แต่ดุสิตธานียังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ BBB- แนวโน้มคงที่ โดยทริสเรทติ้ง และคว้ารางวัลระดับนานาชาติ เช่น Michelin Key และ Travel + Leisure Luxury Awards สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและการยอมรับในเวทีโลก
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับบุคลากรกว่า 20,000 คนทั่วโลก โดยช่วงโควิด-19 ไม่เคยมีนโยบายปลดพนักงาน แต่กลับลงทุนต่อเนื่องใน “ทุนมนุษย์” เพื่อให้พร้อมฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
การเปลี่ยนผ่านจาก ศุภจี สู่ ชนินทธ์ จึงไม่ใช่การเริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการส่งไม้ต่อบนรากฐานที่แข็งแรง เพื่อก้าวสู่ระยะต่อไปของการเติบโต ไม่เพียงในแง่รายได้และกำไร แต่รวมถึงคุณค่าที่ส่งต่อสู่สังคม และการยืนหยัดในฐานะแบรนด์ไทยที่เป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก