กติกาโลกเปลี่ยน – Sustainability ไม่ใช่แค่กระแส
โลกกำลังเข้าสู่ยุค Carbon Economy ที่ “ต้นทุนคาร์บอน” กลายเป็นหัวใจของการแข่งขันการค้า สหรัฐฯ แม้ถอนตัวจากการผลักดัน ESG ระดับรัฐ แต่หันไปใช้ความได้เปรียบจากการเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ ทว่าในฝั่งยุโรป จีน ญี่ปุ่น ยังคงเดินหน้าเข้มงวดกับ Cap-and-Trade System และมาตรการ Carbon Pricing ที่ครอบคลุมเกือบทุกภาคเศรษฐกิจ
“ธุรกิจจำเป็นต้องขับเคลื่อนเรื่อง Sustainability ไม่ใช่เพราะเป็นเทรนด์ แต่เพราะมันคือเงื่อนไขการค้าโลก” — ดร. กฤตย์ สีตะธนี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับไทย คือการที่กฎหมาย Climate Change และ Carbon Tax ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมีการกำหนดอัตราเบื้องต้น 200 บาท/ตัน CO₂ (ราว 6.3 ดอลลาร์สหรัฐ) หากไม่ทันการบังคับใช้จริง อาจทำให้ต้นทุนไหลออกนอกประเทศหลายหมื่นล้านบาทต่อปี
ผลกระทบตรง–อ้อมของ CBAM ต่อไทย
- ภาคอุตสาหกรรมเสี่ยงสูง
งานวิจัย KResearch ระบุว่า อุตสาหกรรมหลักของไทยที่ส่งออกไป EU เช่น เหล็กและเหล็กกล้า, อะลูมิเนียม, ปูนซีเมนต์, ปุ๋ย ยังมีการปล่อยคาร์บอนสูงกว่าค่ามาตรฐาน CBAM หลายเท่า ทำให้ไทยมีแนวโน้มต้องจ่ายค่าปรับเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อการส่งออกทุก 1 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายมหาศาลระดับมหภาค
- ไทยอาจเผชิญต้นทุนจาก CBAM รวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท
- การเข้าถึง ไฟฟ้าสะอาด ยังเป็นอุปสรรค เพราะโครงสร้างค่าธรรมเนียมไม่ชัดเจน และการลงทุนโครงข่ายยังล่าช้า
- ตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศ (TVERs) ยังเล็ก มูลค่าซื้อขายปี 2024 ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และมีแนวโน้มชะลอ
- ช่องว่างด้านกลยุทธ์ของเอกชน
แม้ 71% ของบริษัทไทยเริ่มวางแผนจัดการ GHG แล้ว แต่มีเพียง 11% เท่านั้นที่ตั้งเป้า Net Zero อย่างจริงจัง สะท้อนว่าความสมัครใจของเอกชนยังไม่เพียงพอต่อแรงกดดันจากกติกาการค้าโลก
ดร. รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด วิเคราะห์ว่า “หากไทยไม่เร่งลดการปล่อย GHG ให้ต่ำกว่าค่ามาตรฐานสากล จะต้องเผชิญการสูญเสียความสามารถแข่งขันครั้งใหญ่ และอาจถูกบังคับให้จ่ายต้นทุนล่วงหน้ามหาศาล”
ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของไทยยังไม่เพียงพอ นายจักรี พิศาลพฤกษ์ เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ชี้จำเป็นต้องมีมาตรการบังคับ เช่น Carbon Tax และ ETS มิฉะนั้นไทยอาจเสียโอกาสเก็บรายได้ค่าคาร์บอนให้ต่างประเทศจากความล่าช้าในการออกกฎหมาย
- กฎหมายภาคบังคับ – เร่งไม่ทันไม่ได้
ร่าง พ.ร.บ. Climate Change เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการวางระบบ Carbon Pricing และการเก็บ Carbon Tax หากไม่เดินหน้าอย่างรวดเร็ว ไทยจะเสียเปรียบประเทศคู่แข่งที่มีเครื่องมือเหล่านี้รองรับอยู่แล้ว
- ลงทุนในพลังงานสะอาด – กุญแจลดต้นทุน
- ขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (ปัจจุบันสัดส่วนเพียง 3%)
- เปิดโอกาส Direct PPA (ซื้อขายไฟฟ้าตรงจากผู้ผลิตสะอาด) ให้เอกชนเข้าถึงต้นทุนที่แข่งขันได้
- สร้างโครงข่าย Smart Grid รองรับอุตสาหกรรมสีเขียว
- ใช้ ESG เป็นแต้มต่อ ไม่ใช่ภาระ
- สร้าง แบรนด์ประเทศ ในฐานะผู้ผลิตที่ยั่งยืน
- เชื่อมโยง Supply Chain ให้เป็น Low-carbon chain เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านภาพลักษณ์และการค้า
- ใช้ ESG เป็นกลยุทธ์เจาะตลาดผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
- ร่วมมือเชิงระบบ – รัฐ–เอกชน
การจะเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด พร้อมทั้งสร้าง ตลาดคาร์บอนเครดิตที่มีสภาพคล่อง และพัฒนาเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจ
“Sustainability คือใบเบิกทาง ไม่ใช่ต้นทุน”
มาตรการ CBAM ไม่ได้เป็นเพียงค่าใช้จ่ายใหม่ของธุรกิจ แต่คือ Game Changer ของการแข่งขันการค้าโลก
ธุรกิจไทยไม่มีทางเลือกว่าจะ “ทำหรือไม่ทำ” แต่ต้องถามตัวเองว่า “จะปรับตัวอย่างไรให้ทัน?”
การลงทุนวันนี้ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ แต่คือการซื้ออนาคตทางการค้าและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย