ธนาคารกสิกรไทยเดินเกมรุก “ความยั่งยืน” ระลอกใหม่ ปรับทิศทางยุทธศาสตร์จากกรอบ ESG ดั้งเดิม สู่ Issue-based Strategy ที่จัดการประเด็นสำคัญเชื่อมโยงรอบด้าน เพื่อรับมือแรงกดดันโครงสร้างเศรษฐกิจไทยและมาตรการสิ่งแวดล้อมโลก โดยตั้งเป้าเพิ่มวงเงินสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนสูงสุด 5 แสนล้านบาทภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) พร้อมประกาศชัดก้าวสู่การเป็น ผู้ให้บริการโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศครบวงจร (Comprehensive Climate Solution Provider) รายแรกของไทย
หนี้ครัวเรือนสูง–CBAM กดดันส่งออก
คาดว่ามูลค่าสินค้าที่ถูกครอบคลุมจาก CBAM จะขยายจาก 1.1 หมื่นล้านบาทปัจจุบัน สู่ 2.8 หมื่นล้านบาทในปี 2573 หากธุรกิจไทยปรับตัวไม่ทัน อาจเสียความสามารถแข่งขันในตลาดโลกอย่างหนัก
ปรับทัพ สู่ Issue-based Strategy
ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว กสิกรไทยจึงเลือก “ขยับเชิงกลยุทธ์” จากการดำเนินงานตามกรอบ ESG-based Strategy ไปสู่ Issue-based Strategy ที่วาง 3 เสาหลักคือ
- ธนาคารที่ทุกคนเชื่อมั่น (Be a Most Trusted Bank) – ย้ำมาตรฐานธรรมาภิบาลและการกำกับดูแล
- เสริมความยืดหยุ่นรับอนาคต (Reinforce Future-Ready Resilience) – สร้างขีดความสามารถรับมือความไม่แน่นอน
- สร้างการเติบโตครอบคลุม (Enable Inclusive Growth) – ขยายบริการทางการเงินและการลงทุนสีเขียวให้เข้าถึงทุกกลุ่ม
การเปลี่ยนทิศเช่นนี้ไม่เพียงสะท้อนความกดดันจาก Climate Finance ระดับโลก แต่ยังเป็นการ “จับจังหวะ” ในการสร้างความต่างกับคู่แข่งในตลาดธนาคารพาณิชย์ไทย
กสิกรไทยส่งสัญญาณชัดว่าจะไม่หยุดที่การปล่อยสินเชื่อ แต่จะวางตัวเป็นผู้สร้าง Climate Ecosystem เต็มรูปแบบ ได้แก่
- สินเชื่อและการลงทุนด้านยั่งยืนสะสมแล้วกว่า 1.73 แสนล้านบาท ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 2.74 ล้านตัน CO₂ เทียบเท่า
- การลงทุนผ่าน KAsset ครองอันดับหนึ่งกองทุน ESG Fund และ SRI Fund ในไทย รวม AUM เกือบ 7.6 หมื่นล้านบาท
- พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ เช่น KClimate1.5, Green Pass, K-GreenSpace เพื่อสนับสนุนธุรกิจและผู้บริโภคเปลี่ยนผ่านสู่ Green Living
- จัดตั้ง เครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศไทย (Thai CBN) มีสมาชิกเอกชน-รัฐกว่า 34 องค์กร ร่วมผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบาย
กสิกรไทยชิง First Mover Advantage
ในบริบทที่สถาบันการเงินทั่วโลกกำลังถูกบังคับให้ปรับพอร์ตสินเชื่อและการลงทุนตามเป้าหมาย Net Zero การประกาศเพิ่มวงเงินสีเขียวเป็น 5 แสนล้านบาท ของกสิกรไทยภายใน 7 ปีข้างหน้า นับเป็นการ “ยึดหัวหาด” ของตลาด Climate Finance ไทย
เมื่อเทียบกับคู่แข่งหลัก เช่น SCB ที่เน้นดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม, BBL ที่ยังยึดฐานลูกค้าองค์กรแบบดั้งเดิม หรือกรุงศรีที่โฟกัสการเป็น regional bank ใน AEC การวางบทบาท Climate Solution Provider ของกสิกรไทย จึงอาจเป็น จุดขายใหม่ ที่สร้างความต่างและต่อยอดรายได้ในอนาคต
กสิกรไทยกำลังขยับจากธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม สู่การเป็น “สถาบันการเงินเชิงโซลูชันด้านสภาพภูมิอากาศ” หากทำได้สำเร็จ จะไม่เพียงลดความเสี่ยงจากแรงกดดัน ESG และ CBAM แต่ยังอาจเปลี่ยนเกมการแข่งขันในอุตสาหกรรมธนาคารไทยในทศวรรษหน้า