“สปส” จับมือ “Smart MedTech” MOU พัฒนาสมาร์ทคิวอัฉริยะแอปพลิเคชัน “KnowQ”

สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส.ยึดมั่นเจตนารมณ์ ในการส่งเสริมและดูแลสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพเพื่อผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตรภาคเอกชน บริษัท สมาร์ท เมดเทค จำกัด และสถานพยาบาลในเครือข่ายสำนักงานประกันสังคม ทำพิธีลงนามร่วมกันพัฒนาระบบสมาร์ทคิวอัจฉริยะผ่านแอปพลิเคชัน “KnowQ” แอปพลิเคชัน ที่จะทำให้การเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของผู้ประกันตนมีอิสระทางเวลา หมดปัญหาการนั่งจองคิว

นายมนัส ทานะมัย ผู้ตรวจการกรมปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยถึงวัตถุประสงค์ของการลงนามร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน “KnowQ” ในครั้งนี้ว่า “การร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันสังคม สถานพยาบาล ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ บริษัท สมาร์ท เมดเทค จำกัด ในการพัฒนาโครงการแอปพลิเคชันระบบส่งเสริมสุขภาพ “KnowQ” เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของสำนักงานประกันสังคมที่ยึดมั่นในการเฉลี่ยสุขให้กับผู้ประกันตน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ ในด้านต่างๆ มากที่สุด โดยเฉพาะบริการทางการแพทย์

จากที่ผ่านมาทางสำนักงานประกันสังคม ได้รับคำร้องเรียนในเรื่องการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ในความล่าช้าในการให้บริการ ซึ่งโดยปกติ การรักษาอาจไม่ได้ใช้เวลานาน แต่ด้วยเหตุของปัญหาคิวที่หนาแน่น จึงทำให้ต้องใช้เวลาไปกับการรอเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน “KnowQ” กับทั้งภาคเอกชน และสถานพยาบาลในเครือข่ายสำนักงานประกันสังคมในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเมื่อต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาในสถานพยาบาล ลดขั้นตอนการนั่งเฝ้าจองคิวต่างๆ และเชื่อว่าจะสามารถช่วยลดข้อร้องเรียนที่มีต่อสถานพยาบาลได้มากขึ้น ที่สำคัญการใช้ระบบเช็คคิวผ่านแอปพลิเคชัน “KnowQ” เป็นการช่วยลดความเสี่ยงในสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดได้ดีมาก เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมเราพร้อมพัฒนาและส่งเสริม ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่กำลังพัฒนาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง”

นายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท เมดเทค จำกัด ในฐานะผู้ผลิตแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน “KnowQ” เผยถึงสมาร์ทคิวอัจฉริยะ ที่พร้อมเติมอิสระทางด้านเวลาให้กับผู้ประกันตนว่า “จุดเริ่มต้นสืบเนื่องมาจากเจตนารมณ์ที่มีร่วมกันของ บริษัท สมาร์ท เมดเทค จำกัด กับ สำนักประกันสังคม และสถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความสะดวก และมีอิสระทางเวลามากขึ้นเมื่อต้องเข้ารับบริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลต่างๆ ในเครือข่ายของสำนักงานประกันสังคม

จากข้อมูลที่ผ่านมาทั้งสถานพยาบาล และสำนักงานประกันสังคม ต่างเคยประสบปัญหาข้อร้องเรียนในการเข้ารับบริการของผู้ประกันตน ทั้งเรื่องการรอคิวนาน หรือระยะ เวลาที่สูญเสียไปกับการมารอรับการรักษาในแต่ละครั้ง ทางบริษัท สมาร์ท เมดเทค จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน “KnowQ” จึงได้พัฒนาระบบให้สอดคล้องกับการใช้บริการของผู้ประกันตน อีกทั้งยังสนับสนุนข้อมูลเชิงสถิติให้กับทางสำนักงานประกันสังคม และสถานพยาบาล ได้ใช้ในการวิเคราะห์ การบริการและความพึงพอใจของผู้ประกันตน เพื่อสามารถนำไปพัฒนาบริการในลำดับต่อไป

ซึ่งคุณสมบัติของแอปพลิเคชัน “KnowQ” จะช่วยแก้ปัญหาและตอบโจทย์ให้กับผู้ประกันตนได้ตรงจุดที่สุด โดยเฉพาะในขั้นตอนของการจองคิวต่างๆ อาทิ คิวนัดหมาย คิวตรวจ คิวรับยา ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับการแจ้งเตือนก่อนถึงคิวล่วงหน้า ระหว่างรอการแจ้งเตือน จะบริหารเวลาด้วยการไปไหนมาไหนก่อนก็ได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาจดจ่อนั่งเฝ้ารอคิวที่หน้าห้องตรวจเหมือนแต่ก่อน  สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ซึ่งโครงการนี้เราตั้งใจทำจิตอาสาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เรามุ่งหวังว่าการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน “KnowQ” จะทำให้มีการเว้นระยะห่างในสถานพยาบาลมากขึ้น ช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ดีอีกทางหนึ่ง นับเป็นแอปพลิเคชันส่งเสริมสุขภาพ ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มความพึงพอใจและความสะดวกในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตนทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อนุแสง จิตสมเกษม รองคณบดี คณะแพทยศาตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เผยถึงการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการแอปพลิเคชันระบบส่งเสริมสุขภาพ “KnowQ” ว่า “ตอนนี้งานบริการ โดยเฉพาะงานบริการผู้ป่วยนอก มีการเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกสู่ยุคดิจิตอล แอปพลิเคชันของทางประกันสังคม จะทำให้เกิดกระบวนการออโต้รีจีสเตอร์ หรือการลงทะเบียนอัตโนมัติ มีสมาร์ทคิว ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่เสียเวลามานั่งรอที่โรงพยาบาล อันที่จริง ความทุกข์ส่วนหนึ่งของผู้มารับการรักษา คือการต้องใช้เวลาในโรงพยาบาลนานเกินไป เพราะฉะนั้นแอปพลิชันนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ เชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนเทรนด์ของประเทศไทย ซึ่งคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อผู้ใช้สิทธิ์ประกันตนอย่างมากจริงๆ”