พม. โดยการเคหะฯ ผนึก รฟท. จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย เร่งสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
พลตรี ดร. เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการบูรณาการความร่วมมือในการใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย และ การเคหะแห่งชาติ โดยมี นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายเอก สิทธิเวคิน รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน และนายมงคล จันทษี ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 5 สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ความสำคัญกับประชาชนผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ลดความเลื่อมล้ำทางสังคม และสร้างโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย จึงมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ให้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) จึงจำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการพัฒนาระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล
สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว การเคหะแห่งชาติมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันวางแผนพัฒนาและขับเคลื่อนโครงการโดยใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกัน อันเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม สามารถรับภาระได้ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป