“แอสเซทไวส์” ชูยุทธศาสตร์ “WIND OF CHANCE” กางใบเรือรับสายลมแห่งโอกาส เปิด 7 โครงการใหม่ทั้งแนวสูงและเพิ่มพอร์ตแนวราบ มูลค่ากว่า 12,400 ล้านบาท พร้อมล่องเรือคว้าโอกาสธุรกิจใหม่ เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน
“แอสเซทไวส์” ก้าวสู่ปีที่ 18 อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยยุทธศาสตร์ “WIND OF CHANCE” พร้อมฝ่าทุกคลื่นลม กางใบเรือคว้าโอกาสเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประเดิมด้วยการเปิดตัว 7 โครงการใหม่แกะกล่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่ารวม 12,400 ล้านบาท ในปี 2565 ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท รุกกลยุทธ์ synergy จับมือพันธมิตรบุกธุรกิจใหม่ เสริมความแข็งแกร่ง ตั้งเป้าโกยยอดขายปีนี้กว่า 10,000 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ปี 2565 นี้ บริษัทก้าวสู่การดำเนินธุรกิจปีที่ 18 เปรียบเสมือนเรือที่กางใบเต็มที่พร้อมออกไปคว้าโอกาสใหม่ ในช่วงเวลาที่มีแรงลมส่งธุรกิจทุกทิศทาง โดยยุทธศาสตร์สำคัญที่บริษัทเตรียมพร้อมไว้ในปีนี้คือ “WIND OF CHANCE” ต่อยอดความสุขของทุกการอยู่อาศัย พร้อมเปิดรับทุกโอกาสทางธุรกิจ
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นแรงลมส่ง นอกจากนี้คาดว่าจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และด้วยบรรยากาศแบบนี้ แอสเซทไวส์ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการคว้าโอกาสขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ และเชื่อมต่อความสุขสู่ทุกกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง โดยแอสเซทไวส์จะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมฯ 5 โครงการ และเพิ่มพอร์ทโครงการบ้านอีก 2 โครงการ โดยจะแบ่งเป็นสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 60% และบ้าน 40%” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
“จากประสบการณ์ ความเข้าใจไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้า และการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล ผนวกกับสถานการณ์ปัจจุบันในยุค New Normal ทำให้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วน ทำให้เราตัดสินใจปรับเพิ่มพอร์ทการพัฒนาโครงการบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อตอบโจทย์อุปสงค์ที่ขยายตัวในตลาด”
ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกเพื่อสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยประกาศจับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมานานกว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อพัฒนาโครงการแรก “แอทโมซ บางนา” มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท และเสริมแกร่งให้พอร์ทของบริษัท ด้วยการเข้าซื้อคอนโดมิเนียมบนทำเลทองใจกลางรัชดา – สุทธิสาร อย่าง โครงการ แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร จาก บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด และเมื่อเร็ว ๆ นี้ แอสเซทไวส์ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการเปิดตัวเหรียญ Popcoin ซึ่งเป็น Smart Marketing Platform Entertainmerce ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group, บริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด, บริษัท ฟิวเจอร์คอมเพเทเร่ จำกัด และบริษัทพันธมิตรชั้นนำแนวหน้าของไทย สะท้อนมุมมองความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจและการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ
นอกจากนี้ยังพร้อมมุ่งสู่เทรนด์การดูแลสุขภาพผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ Digital Health ด้วยการร่วมมือกับ Doctor A to Z ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบริการด้านสุขภาพออนไลน์ เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของลูกบ้านด้วย “Health Station” Facility ที่ออกแบบเพื่อการดูแลสุขภาพครบวงจร พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบริการด้านสุขภาพออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุค New Normal ให้ลูกบ้านได้รับการบริการด้านสุขภาพที่ดี และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเราเล็งเห็นว่าการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งด้านไลฟ์สไตล์ และสุขภาพ ที่พร้อมให้บริการและง่ายต่อการเข้าถึงแก่ลูกบ้าน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยสร้างความสุขให้ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้แพลตฟอร์มดังกล่าวได้เปิดให้บริการแก่ลูกค้าไปแล้วในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แอสเซทไวส์ ยังมีแผนจับมือกับ บริษัท บางกอก เฮลท์แคร์เซอร์วิส จำกัด หรือ BHS ผู้ดำเนินธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและเวชศาสตร์ฟื้นฟู รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องในด้านผู้สูงอายุทั้งหมด เพื่อเปิดศูนย์ REHAB ฟื้นฟูสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นศูนย์บริการประเมิน รักษา และ ฟื้นฟูสมรรถภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งในรายละเอียดทางบริษัทจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งเร็ว ๆ นี้
“จากความมุ่งมั่นขยายธุรกิจอสังหาฯ ที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้วอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบกับการมุ่งมั่นค้นหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ทำให้เราเชื่อว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจของแอสเซทไวส์ โดยเรามุ่งมั่นไต่ระดับความแข็งแกร่งขององค์กร ด้วยเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาท ซึ่งเรามั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่ภาพรวม ปี 2564 ที่ผ่านมา แอสเซทไวส์ได้พัฒนาผลงานคุณภาพด้วยการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานในระดับบริษัทมหาชน จนทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทพัฒนาโครงการไปรวม 38 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 38,000 ล้านบาท มีทั้งโครงการสร้างเสร็จและส่งมอบเป็นที่เรียบร้อย 29 โครงการ และมีโครงการที่กำลังเปิดขายและพัฒนาอยู่ จำนวน 9 โครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 7,338 ล้านบาท