ยันฮี ติดโผ Top5 รพ.ที่ดีที่สุด ในกทม.
รพ.ยันฮี ติดอันดับ Top 5 รพ.ที่มีการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ในกทม. ปี 2020 จากเว็บไซต์ The Thaiger ตัวเลขผู้ป่วยต่างชาติมากกว่า 10,000 รายต่อปี จาก 162 ประเทศทั่วโลก
บุญศรี พรหมดวง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทางเว็บไซต์ The Thaiger ได้มีการจัดอันดับ Top 5 โรงพยาบาลที่มีการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ในกทม. ประจำปี 2020 ซึ่งรวมทั้งโรงพยาบาลของภาครัฐฯ และเอกชน จำนวน 45 โรงพยาบาล โดยผลสำรวจจากความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการ ทั้งในด้านการแพทย์, การบริการ, ความปลอดภัยของผู้ป่วย รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่นๆ
“จากผลสำรวจดังกล่าวว่า พบว่า รพ.ยันฮี ติด 1 ใน 5 อันดับรพ.ที่มีการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในกทม. เนื้อหาในเว็บไซต์ ระบุว่า ผู้ป่วยจากทั่วประเทศและทั่วโลกเดินทางมารักษาที่รพ.ยันฮี เพราะว่า มีการแพทย์ที่ได้รับการเชื่อถือมากที่สุดในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ ไปจนถึงการเสริมความงาม รพ.ยันฮีให้บริการผู้ป่วยต่างชาติมากกว่า 10,000 รายต่อปี จาก 162 ประเทศทั่วโลก ให้รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการฝึกอบรมในสถาบันการแพทย์ที่ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศ แพทย์ทุกท่านมีประสบการณ์มานานนับสิบปี อีกทั้งคณะแพทย์ของรพ.ยันฮี ก็ยังมีส่วนร่วมในประชุมและสัมมนาด้านการแพทย์ เพื่อพัฒนาศักยภาพและฝีมือให้ก้าวล้ำ มีความทันสมัยและปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ บุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ภายในรพ. ก็ได้รับผลประเมินด้านมารยาทการให้บริการและการเอาใจใส่ที่ดีมากเช่นเดียวกัน”
ในเว็บไซต์ ยังระบุว่า รพ.ยันฮี ได้การรองรับจากมาตรฐานระดับโลก Joint Commission International (JCI) และได้รับรางวัล Reader’s Digest Gold Award รพ.ที่น่าเชื่อถือที่สุดของเอเชีย สามารถรองรับผู้ป่วยสูงสุด 400 เตียง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คน และพยาบาล 800 คน นอกจากนี้ยังมีล่ามสำหรับผู้รับบริการชาวต่างชาติมากกว่า 11 ภาษา ดังนั้น ผู้ป่วยชาวต่างชาติจึงไม่ต้องกังวล ที่จะเข้ามารับการรักษาที่นี่”
อนึ่ง ยังมีข้อมูลสนับสนุนจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือTMB Analytics ประเมินว่า “ธุรกิจสถานพยาบาลเอกชน” จะเป็นธุรกิจที่สามารถฟื้นตัวได้เร็วแบบ V-Shape (ฟื้นตัวภายใน 3 เดือนหลังพ้นการล็อกดาวน์) โดยหลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ คาดว่าผู้ป่วยชาวไทยจะกลับมาใช้บริการทางการแพทย์ได้ตามปกติ
ส่วนรพ.เอกชนที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ น่าจะทำให้รายได้ลดลง เพราะผู้ป่วยต่างชาติไม่สามารถเดินทางมารักษาในไทยได้ ซึ่งจากโครงสร้างรายได้ของรพ.เอกชนในไทย พบว่า มีรายได้จาก Medical Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 8% ของรายได้ รพ.เอกชนทั้งหมด จึงมองว่า รายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศปีนี้ “จะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก” เพราะคาดว่า ไทยยังคงมาตรการล็อกดาวน์ต่างประเทศ หรือคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศต่อไป
บุญศรี กล่าวว่า “หากมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ให้เปิดประเทศ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ธุรกิจรพ.เอกชน ก็ย่อมมีโอกาสฟื้นตัวแน่นอน เนื่องจากต่างชาติมองว่า ไทยมีมาตรฐานการรักษาอยู่ในระดับสากลและราคาสมเหตุสมผล และยังได้รับการยอมรับว่า สามารถควบคุมการระบาดของ Covid-19 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งรพ.เอกชน จำเป็นที่ต้องปรับตัว เพื่อผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตและฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้”