นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่าการระบาดของโควิด 19 กว่า 1 ปีที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจของโลกไม่เพียงแค่เฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นการปรับตัวตามสถานการณ์ของภาคธุรกิจอย่างถูกช่วงถูกจังหวะจึงเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้องค์กรสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนก็เช่นกัน ต้องอาศัยการปรับตัวในทุกขั้นตอนเพื่อให้ภาพรวมธุรกิจยังไปต่อได้อย่างมีเสถียรภาพ แม้จะมีการเลื่อนเปิดภาคเรียนหรือยังคงจัดรูปแบบการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ก็ตาม
นันยางได้เห็นและเรียนรู้ถึงผลกระทบดังกล่าว และนำมาปรับแผนธุรกิจให้สามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ โดยเริ่มตั้งแต่มาตรการป้องกันโควิดของบุคลากร การวางแผนการจัดเตรียมวัตถุดิบให้สอดคล้องกับการผลิตสินค้า และให้สอดคล้องกับการขายสินค้าในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป การจัดสรรสินค้าในแต่ละช่องทางขายอย่างเหมาะสม
“การนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์สถานการณ์อย่าง ‘Nanyang Have Fun’ สำหรับเด็กประถมแถมฟรีเชือกยืดหยุ่นทำให้ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรองเท้านักเรียนประถม ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการปรับสินค้าให้เหมาะต่อความต้องการ ณ เวลานั้นของผู้บริโภค ตลาดให้การตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยังคงทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” นายจักรพล จันทวิมล สรุปให้เห็นภาพรวมการปรับตัวของนันยางเพื่อรับมือวิกฤติโควิด-19
ด้านแผนการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายในปี 2564 ของ นันยาง นั้น นายจักรพล กล่าวว่า “นันยางยังคงเดินหน้าผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า โดยตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่าความต้องการใช้รองเท้าผ้าใบนันยางยังคงมีอยู่ตามปกติ ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และยังคงแผนการผลิตสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา โดยผลประกอบการของนันยางในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และพบว่าผู้บริโภคยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสถานศึกษาจะเลื่อนการเปิดเทอมส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรองเท้านักเรียน แต่คาดว่าสุดท้ายแล้วผู้บริโภคก็ยังให้ความสนใจสินค้านันยางเช่นเดิม เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้บริโภคก็จะกลับมาซื้อสินค้าตามปกติ จึงน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2564 ของนันยางเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”