โฮมโปร ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่นยืน ตั้งเป้าสู่ Net Zero ภายในปี 2593 มุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคน
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ Home Pro ประกาศเป้าหมายสู่ Net Zero มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 มุ่งมั่นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการบริหารจัดการการใช้พลังงาน รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์ที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิก United Nations Global Compact (UNGC) และมีการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามวัตถุประสงค์ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ “COP 26”
โดยแต่ละประเทศเสนอเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุ Net Zero ทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2050 และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งอยู่ในเป้าหมายที่ 13 คือ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UN SDG 13: Climate Action) สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ We make a better living ที่มุ่งมั่นสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสังคม และชุมชน พร้อมทั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจ Home Solution and Living Experience ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ“โฮมโปร” เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัญหาระดับโลก ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ก๊าซเรือนกระจก นับเป็นความท้าทายของบริษัทฯ ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ได้กำหนดกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ภายในปี 2593 ดังนี้
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization)
- Renewable Energy เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ในการดำเนินธุรกิจ โดยเบื้องต้นได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทน ร้อยละ 100 ในสาขาที่มีอาคารเป็นของบริษัท ภายในปี 2573 และจะขยายให้ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการใช้พลังงานทดแทนจากหลังคาโซลาร์เซลล์ กว่า 48 สาขา พร้อมทั้งมีการติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานภายในอาคาร Building Control Monitoring System for Energy (BCMS) จำนวน 32 สาขา เพื่อควบคุมการใช้พลังงานภายในอาคารอัตโนมัติ โดยสามารถ Monitor และ Control งานระบบหลักๆ ภายในอาคารได้อัตโนมัติ และช่วยให้ปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง
- Green Logistics บริหารจัดการกระบวนการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีในการขนส่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง โดยมีแผนการปรับเปลี่ยนรถขนส่งเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบคลังสินค้าเป็นระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval System : ASRS) ซึ่งเป็นระบบที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลัง โดยใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้ลดการใช้น้ำมันจากรถยกภายในคลังสินค้า
- Waste Management บริหารจัดการขยะและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ มีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี โดยใช้แนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สามารถใช้ซ้ำ (Reuse) หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการผลิตใหม่ (Re-material) รวมถึงการนำสินค้าเก่ามาแลกสินค้าใหม่ เพื่อบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste)
- Responsible Consumption สนับสนุนการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ ตามแนวทาง Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Model ผ่านการพัฒนา และสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ECO Product) อาทิ สินค้ากลุ่มประหยัดพลังงาน สินค้กลุ่มรักษ์ป่าไม้ สินค้ากลุ่มประหยัดน้ำ และสินค้ากลุ่มลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้สินค้าพลาสติกอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Plastic Consumption) รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
กระบวนการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Removal)
- ส่งเสริมการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า (No Deforestation) โดยพิจารณาถึงการเลิกหรือลด การตัดไม้ ทำลายป่าในกระบวนการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในขั้นตอนการก่อสร้างสาขา หรือการจัดซื้อจัดหาสินค้าที่มาจากแหล่งการผลิตที่ยั่งยืน และการจัดซื้อจัดหาสินค้าอย่างมีจริยธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมให้คู่ค้าปฏิบัติตามหลักการมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนหรือตรวจรับรองสินค้าจากมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council)
- การปลูกป่าและดูแลรักษาป่าไม้ หรือพื้นที่สีเขียว เพื่อดูดซับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จัดโครงการคืนป่าชายเลนสู่ธรรมชาติ โดยปลูกต้นแสมขาว และต้นลำพลู จำนวน 40,000 ต้น บริเวณสถานพักตากอากาศบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคม คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน นายคุณวุฒิ กล่าวปิดท้าย