เปิดเส้นทาง 25 ปี Elken Global “มร.ไอแว่น ซัว” แม่ทัพประเทศไทย ย้ำความเชื่อมั่น จัดงานใหญ่ IGNITE ELKEN

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา แบรนด์ขายตรงสัญชาติมาเลเซีย “ELKEN” (เอลเคน) ภายใต้การนำทัพของ “มร.ไอแว่น ซัว”  ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเอลเคน (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความมั่นคงธุรกิจ จัดงานใหญ่ส่งท้ายปี ภายใต้ธีมงาน IGNITE  ELKEN โดยได้รับเกียรติทีมผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ ได้แก่ CEO Falko Leonhardt  RVP Hau Kok Peck และผู้นำของระดับสูงของมาเลเซีย ร่วมแสดงความยินดี ให้กับเหล่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้

พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้นวัตกรรมฟาร์อินฟราเรด (FIR Technology) ลิขสิทธิ์เฉพาะของเอลเคนเท่านั้น ส่งท้ายด้วยการจับรางวัลมูลค่ากว่า 440,000 บาท  ณ ห้องจตุรทิศ ชั้น 3 โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ

ภายในงานสำคัญนี้ “มร.ไอแว่น ซัว”  ผูจัดการทั่วไป บริษัท เอลเคน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดวิสัยทัศน์ เส้นทางการเดินทางของธุรกิจเอลเคน ( Elken) เริ่มต้นขึ้นในปี 1995 ที่ประเทศมาเลเซีย และวันนี้เอลเคนได้ก้าวสู่ความสำเร็จของการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในปี 2020

ความสำเร็จของเอลเคน หลังจากก้าวสู่ 50 อันดับแรกของโลกในปี 2013 ได้ขับเคลื่อนธุรกิจก้าวเติบโตในตลาดต่างประเทศ และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใน iElkenขยายธุรกิจใน 10 ประเทศในเอเชียตะวันเฉียงใต้ ด้วยการใช้แผนการตลาดแบบไบนารี่  ต่อมาในปี 2019 และ 2020 เอลเคนได้ตัดสินใจครั้งใหญ่และก้าวกระโดดในการปรับปรุงรูปแบบธุรกิจไปสู่ระดับสูงสุดนั่นคือ Elken Global พร้อมสยายปีกทั่วโลกใน 45 ประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์  สหราชอาณาจักร และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ

สำหรับ เอลเคนประเทศไทยช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา หลังจากการปิดตัวเองของ covid-19 ผลักดันให้ยอดขายเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดหวังว่าในปีหน้า 2021 เอลเคนเติบโตอย่างมั่นคงในการสร้างผู้นำมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของแบรนด์ “สร้างคุณค่าเพื่อสร้างผู้อื่น”

ความสำเร็จเกิดจากความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม Heart -to -Heart ที่ทำให้คนไทยรับความรู้ในการมีสุขภาพที่ดีและสอดคล้องกับแนวคิดผลิตภัณฑ์ MRT (Molecular Reform Therapy)

“เรามั่นใจว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น จำนวนมากมาย ทั้งในหมวดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและหมวดสุขภาพความงาม ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและนักธุรกิจตลอดมา และจากแคมเปญ โปรแกรมสร้างแรงจูงใจมากมายที่เกิดขึ้น จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีหน้า โดยประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีส่วนร่วมในการขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศทั่วโลก”  ไอแว่น ซัว กล่าวทิ้งท้าย