“ซัคเซสมอร์” Network Marketing 10 ปีเต็ม ปั้นแบรนด์-รายได้ สู่ความยั่งยืน ชู “Growth Mindset” กุญแจความสำเร็จสร้างนักธุรกิจ ต่อจิ๊กซอว์ โมเดลแบบ “ไฮบริด” ดันรายได้ปี 66 เพิ่ม 15%
บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) ก้าวสู่ปีที่ 10 ประกาศขับเคลื่อนองค์กร ผ่าน Growth Mindset กุญแจแห่งความสำเร็จมุ่งสู่การเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเครือข่าย หวังยกระดับแบรนด์ทะยานและความมั่นคงยั่งยืน ปั้นสถาบัน Successmore Leadership Academy (SLA) สร้างนักธุรกิจ – รายได้เพิ่ม พร้อมตอกย้ำปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% และรักษาอัตรากำไรสุทธิ ไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 10% ภายใต้กลยุทธ์การผสมผสานโมเดลแบบ “ไฮบริด” ทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ – สร้างแบรนด์ “เลิฟเวอร์” – มองหาโอกาสในธุรกิจใหม่
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อน “ซัคเซสมอร์” เพื่อยกระดับแบรนด์และบริษัทฯ สู่การเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเครือข่าย จนสามารถทำให้ SCM มีการเติบโต ทั้งใน Top Line และ Bottom Line ผ่านแนวคิดที่สำคัญ คือ การ Mindset – Skillset (กล้าเอาชนะใจตัวเอง) ซึ่งเป็นแก่นหลักของธุรกิจเครือข่าย เพราะการพัฒนาคนให้ประสบความสำเร็จ คือการเปลี่ยนใจตนเอง เพื่อการผลักดันตัวเองสู่กุญแจสู่ความสำเร็จ “Growth Mindset” ในอุตสาหกรรมธุรกิจเครือข่าย ทั้งนี้ SCM เป็นธุรกิจเครือข่ายรายแรกของไทยใน SET ที่สามารถยกระดับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีของ SCM บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมเครือข่ายตัวจริง
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ SCM มีการเติบโตทั้งใน Top Line และ Bottom Line ด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจที่ต้องการสร้าง SCM ให้เป็นสถาบัน ในการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน เพื่อสอดรับกับสินค้าของเราที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพเป็นหลัก ในขณะเดียวกันธุรกิจ SCM เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้เพิ่ม และเปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ จากการลงทุนซื้อสินค้าของ SCM และกลับมาสร้างมูลค่า สำหรับในส่วนของกลยุทธ์นั้น ทาง SCM จะมีทีมรับผิดชอบในการสนับสนุนทั้งหมด อาทิ การเทรนนิ่ง รวมถึงเครื่องมือ Social Media ต่างๆ
จุดสำคัญของธุรกิจเครือข่าย คือ การพัฒนาคน รวมถึงการสื่อสารและการอยู่ร่วมกับคน ดังนั้น จึงมองว่า Mindset – Skillset กล้าเอาชนะใจตัวเอง เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจเครือข่าย SCM มีสถาบัน Successmore Leadership Academy หรือ (SLA) ภายใต้หลักสูตรพัฒนาตั้งแต่เรื่องของ Mindsets ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการ และ Skillset ทักษะในการทำงาน เพื่อทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าเงินและการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งหลักสูตรของ SCM จะเน้นหลักสูตรเรื่อง ค่านิยม ความคิด พลังงาน รวมถึงระบบแบบแผน และพัฒนาให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบาย เชิงกลยุทธ์
ด้าน นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “SCM” กล่าวเสริมว่า ในปีนี้บริษัทฯ ครบรอบ 10 ปีเต็ม เส้นทางการเติบโต SCM จึงมุ่งเน้นสร้างแบรนด์เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ภายใต้ Wellness Wellbeing เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 15% พร้อมทั้งยังรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit) ไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 15% ผ่านกระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.) ขยายฐานสมาชิก ในรูปแบบของสมการ XYZ โดยที่ X คือ การเพิ่มฐาน Member ให้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Y คือ คุณภาพของสมาชิกต้อง Active มากขึ้นต่อเดือน ส่วน Z คือ ยอด Order Side ที่สมาชิกแต่ละคนซื้อต้องมียอดเพิ่มขึ้น 2.) สร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ และสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์ โดยกลยุทธ์ปั้น SCM ให้เป็น Hero Brand ในใจผู้คน 3.) ยกระดับมาตรฐานระบบงานและคน สร้างต้นแบบนักธุรกิจซัคเซสมอร์ที่ประสบความสำเร็จ และ 4.) สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า การบริหารจัดการประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของลูกค้า พร้อมลุยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยการเจาะขยายตลาดเกษตรกร และตลาด Silver Age โดยมองว่าการเติบโตต้องผสมผสานโมเดลให้เป็นแบบไฮบริด และวางตำแหน่งแบรนด์ให้ชัดเจน ทั้งสินค้า แบรนด์ กลุ่มตลาด และการสื่อสารไปทิศทางเดียวกัน
“จากกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจข้างต้น ส่งผลให้ SCM มั่นใจว่า เป้าหมายยอดขายและกำไรสุทธิ (Net Profit) มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางเดียวกัน ทั้งการเติบโตผ่านธุรกิจเดิมของ SCM รวมถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจใหม่ที่อยู่ในกระบวนการศึกษาและจะทยอยมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค สู่การยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและผลิตภัณฑ์ ให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมาย สร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของทั้งนักธุรกิจและลูกค้า เพื่อที่จะเป็นการสร้างแบรนด์ “เลิฟเวอร์”ให้รักและผูกพันธ์กับองค์กรต่อไป ให้สมกับปณิธานของบริษัทที่ต้องการเป็น “แรงบันดาลใจเปลี่ยนชีวิตคุณ”