กรุงศรี ชูทีม ‘Krungsri Intelligence’ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน เสริมแกร่งสู่เป้าหมายในการเป็น Investment Wealth Advisory Bank
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ชูจุดแข็งในฐานะที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน เสริมทัพด้วยทีม Krungsri Intelligence ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ที่ทำหน้าที่รวบรวมและเชื่อมโยงข้อมูล ข่าวสาร และมุมมองการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ รวมถึงพันธมิตรระดับโลก มาวิเคราะห์และสรุปเป็นข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบ ONE Krungsri Investment View พร้อมส่งมอบองค์ความรู้ รวมถึงคำแนะนำด้านการลงทุน เพื่อต่อยอดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า มุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น “Investment Wealth Advisory Bank” หรือ ธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุนอย่างแท้จริง
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของกรุงศรี คือ การใช้ความได้เปรียบในการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจและการลงทุนผ่านกลยุทธ์ ONE Krungsri Investment View ที่ผสานความเชี่ยวชาญจากกูรูในด้านต่างๆ ของธนาคารและบริษัทในเครือเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้นทีม Krungsri Intelligence ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณวุฒิและใบอนุญาต ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางและมีบทบาทสำคัญในฐานะหัวใจหลักของกลยุทธ์ดังกล่าว เชื่อมผสานกับหน่วยงานต่างๆ นำข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในมุมของเศรษฐกิจมหภาค ตลาดเงินและตลาดทุน มาวิเคราะห์เพื่อส่งต่อเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน สร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของลูกค้า รวมถึงการปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที และที่สำคัญคือสามารถกระจายข้อมูล ณ ช่วงเวลานั้นๆ ให้กับหน่วยงานอื่นๆ ไปในทิศทางเดียวกันแบบเป็น Single Message เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”
สำหรับองค์ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนภายใต้ ONE Krungsri Investment View เกิดขึ้นจากศักยภาพความเชี่ยวชาญ รวมทั้งความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเงินและการลงทุนจากหลากหลายส่วนของกรุงศรี อันได้แก่ ทีมวิจัยกรุงศรี ซึ่งประกอบไปด้วยนักเศรษฐศาสตร์ระดับแถวหน้าของไทยที่เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจมหภาค ภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทีมงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ที่มีฐานข้อมูลและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และตลาดพันธบัตร ร่วมด้วยทีมงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี (KSAM) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน (KCS) อีกทั้งยังมีพันธมิตรระดับโลกอย่าง แบล็คร็อค (BlackRock) บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทั้งหมดจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและผสานความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการร่วมวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างองค์ความรู้เพื่อส่งมอบมุมมองและคำแนะนำด้านการลงทุนทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลกที่มีคุณภาพอย่างรอบด้านที่สุด
“นับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ทีม Krungsri Intelligence ได้ริเริ่มให้คำแนะนำการลงทุนใน กองทุนเรือธง (Flagship Funds) โดยได้คัดสรรจากกองทุนที่มีให้เลือกลงทุนกว่า 200 กองทุนจาก 10 บลจ.ชั้นนำ เหลือเพียง 5 กองทุนเรือธง ที่บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในทุกภาวะตลาด ทั้งนี้ แม้ในช่วงครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนทั้งจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการปิดกิจการของหลายธนาคารในสหรัฐฯและยุโรป แต่ทั้ง 5 กองทุนเรือธงก็สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ อาทิ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ (KFGBRAND) ให้ผลตอบแทน +8.36% (ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566)” นายวิน กล่าว
ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีม Krungsri Intelligence ทำให้กรุงศรีสามารถออกแบบคำแนะนำและคัดสรรผลิตภัณฑ์ลงทุนให้กับลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มที่พึ่งเริ่มลงทุนไปจนถึงกลุ่มที่ลงทุนขั้นสูงต้องการคำปรึกษาเชิงลึกและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความซับซ้อน อาทิ การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Products) หรือแม้แต่การบริหารกองทุนส่วนบุคคลที่นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการลงทุนได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น และที่สำคัญคือการเข้าถึงข้อมูลที่ครบครันอย่างรวดเร็วทำให้ Krungsri Intelligence สามารถส่งต่อคำแนะนำที่ตอบสนองต่อตลาดที่มีความผันผวนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในครึ่งหลังของปี 2566 ทีม Krungsri Intelligence ยังมุ่งเน้นคำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core – Satellite คือ การแบ่งพอร์ตลงทุนเป็น 2 ส่วน
Core Port แกนหลักของพอร์ตลงทุน ควรมีสัดส่วนมากกว่า 70 – 80% โดยเป็นการกระจายลงทุนให้หลากหลาย ใน 2 มิติ คือ กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ เช่น พันธบัตร หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก ฯลฯ และกระจายการลงทุนในหลายประเทศ ควรเป็นการกระจายลงทุนทั่วโลก เป็นพอร์ตลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 5 – 7 ปีขึ้นไป และแนะนำให้เลือกลงทุนจากกองทุนเรือธง (Flagship Funds) ทั้ง 5 กองทุน ได้แก่ KF-CSINCOM, KFCORE, KFGBRAND-A, KFESG-A และ K-CHANGE-A (A)
Satellite Port เป็นลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง เช่น กองทุนหุ้นจีน หุ้นเวียดนาม หรือหุ้นโตเร็ว โดยแต่ละกองทุน ควรมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของพอร์ต และเมื่อรวมกันควรมีสัดส่วนไม่เกิน 20 – 30% ของพอร์ต
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com หรือ LINE@krungsriexclusive